วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

สามยุคลวงโลกของลัทธิอนุตตรธรรม

ภาพบน^^บทความของลัทธิอนุตตรธรรมเรื่อง ยุคสามปลายกัป http://www.vithi.com/menu04-03-03-03.html


เรื่องสามยุค ลวงโลกจากลัทธิอนุตรธรรม
(พร้อมคณิตศาสตร์วิถีแนวพระแม่องค์ธรรม)







ถอดความจากภาพบน
นับตั้งแต่เบิกฟ้าเกิดดิน จวบจนฟ้าสิ้นดินสลาย ช่วงระยะเวลาระหว่างนี้เราเรียกว่า "หนึ่งอุบัติกาล" ของฟ้าดิน หนึ่งอุบัติกาล มี "สิบสองบรรจบกาล" หรืออาจจะใช้ "สิบสองราศี" มาเป็นสัญลักษณ์ หนึ่งบรรจบกาล เป็นระยะเวลา 10800 ปี

ฉะนั้น ในหนึ่งอุบัติกาลเป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น
129600 ปี (10800 x 12) เรียกว่า "หนึ่งกาลเกิดดับของฟ้าดิน"


หมายเหตุ >>บางทีลัทธิมันก็เอาคำว่ากัปมาใช้แบบมั่วๆ นั่นเอง ทุกท่านลองไปดูเวลาการเกิดขึ้นจนดับไปของโลกธาตุที่เรียกว่า กัปล์ตามพุทธศาสนาก็ไม่ตรงตามที่ลัทธิไว้

เนื่องจาก แต่ละบรรจบกาลมีบรรยากาศที่แปรปรวนแตกต่างกันออกไป เกณฑ์กำหนดของภัยพิบัติตามวาระสมัยจึงไม่เหมือนกัน กาลปัจจุบันได้ดำเนินมาจนสิ้นวาระ "มะเมีย" (อู่ฮุ่ย) เริ่มเข้าสู่ช่วงวาระ "มะแม" (เว่ยฮุ่ย) หากจะนับตั้งแต่เบิกดิถีมีฟ้าดิน ก็รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น "หกหมื่นกว่าปี"
และสามารถแบ่งออกเป็น "สามวาระ" หรือ "ธรรมกาล 3 ยุค" ด้วยกัน

ยุคแรก "ธรรมกาลยุคเขียว"
ในสมัยอริยเจ้า "ฝูซี"
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นชื่อว่า "อุทกภัยนาคราช" (หรงฮั้นสุ่ยเจี๋ย) จำนวนภัยพิบัติหลักๆ มีเพียง 9 ครั้ง
อริยกษัตริย์รับหน้าที่กล่อมเกลาไพร่ฟ้าแทนเบื้องบน

มี "พระทีปังกรพุทธเจ้า เป็นผู้ปกครองธรรมกาล"
วิถีธรรมในสมัยนั้นลงโปรดสู่กษัตริย์ขุนนางฉุดช่วยดวงธรรมญาณกลับคืนเบื้องบน 200 ล้านดวง
พร้อมทั้งกำหนดมรรคผลในการ "ประชุมปทุมทิพย์" (เหลียนฉือฮุ่ย) 


หมายเหตุ>>หรือแปลไทยว่าปทุมถันองค์ธรรมมาตา ? 
แล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้ามีผู้นิพพาน 200ล้าน เพราะไม่เคยมีบันทึกมาก่อนในประวัติศาสตร์พุทธศาสนา แถมยังมีการกำหนดมรรคผลให้กันได้ เออ...ก็เพิ่งจะรู้ว่ามรรคผลนิพพานนี่ต้องมีคนกำหนดให้  ส่วนภัยพิบัติก็ไม่ทราบเอาสถิติมาจากใหนว่า 9 ครั้ง เรื่องนี้ไม่ทราบจะถามไปยังกรมใหนดี ??? 

ยุคที่สอง "ธรรมกาลยุคแดง"
ในสมัยอริยกษัตริย์ "เหวินหวัง"
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นชื่อว่า "อัคคีภัยชาตดอรุณ" (ชื่อหมิงหั่วเจี๋ย) จำนวนภัยพิบัติหลักๆ ที่เกิดขึ้นมี 18 ครั้ง (9+9)

"พระศากยมุนีพุทธเจ้า เป็นผู้ปกครองธรรมกาล"
วิถีธรรมลงโปรดสู่สมณะและปราชญ์ เช่นเดียวกันสามารถฉุดช่วยดวงธรรมญาณกลับคืนไป 200 ล้านดวง โดยกำหนดอริยะฐานะในการ "ประชุมที่เขาคิชกูฏ" (หลินซัยฮุ่ย)


หมายเหตุ>>ในประวัติพระพุทธศาสนามีหน้าไหนลงเรื่องเขาคิชฌกูฏจัดงานเลี้ยงบ้างล่ะนี่ ??? แถมมีการกำหนดฐานนะตำแหน่งอริยะให้กันอีกด้วย??

ยุคที่สาม "ธรรมกาลยุคขาว"
สนองเกณฑ์วาระระหว่างบรรจบกาลมะเมียและมะแม
ภัยพิบัติใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในวาระนี้มีชื่อว่า "วาตภัยเวหา" (กังฟงเจี๋ย) จิตใจมนุษย์เสื่อมทรามถึงขีดสุดจึงก่อให้เกิดภัยทั้ง 3 และความวิบัติทั้ง 8 ลงมาพร้อมกันภัยพิบัติทวีคูณเป็น 81 มหันตภัย (9 x 9) อย่างที่เรียกว่า "ยุคสามปลายกัป"


หมายเหตุ>>มันเน้นเรื่องภัยพิบัติมากๆ เลย ส่วนการคำนวนก็คูณ 9 ไปเรื่อย ๆ คาดว่ายุคต่อไปจำนวนภัยพิบัติน่าจะเป็น 9 ยกกำลังสอง หรือ 81x9  หรือ 9x9x9 อะไรทำนองนั้น ส่วนยุคต่อไปจะแทนด้วยสีอะไรก็ยังไม่ทราบได้แต่คงจะไล่ไปจนครบ 12 สีปีโป้

ปัจจุบันวิถีธรรมลงโปรดสู่ครัวเรือน
มี "พระศรีอาริยเมตไตรย เป็นผู้ปกครองธรรมกาล"
มีพระพุทธจี้กง และ พระโพธิสัตว์จันทรปัญญาเป็นตัวแทนในการสนองรับพระโองการฟ้าถ่ายทอดวิถีธรรม ปกโปรดอย่างกว้างขวาง


หมายเหตุ>>พุทธจี้กงและโพธิสัตว์จันทรปัญญาที่ลัทธินี้กล่าวถึงก็คือ จางเทียนหยาน กับซุนซู่จินนั่นแล สองตัวร้าย !!


ทุกวาระสมัยจะมีธรรมะกับภัยพิบัติลงมาพร้อมกัน


หมายเหตุ>>ด้วยมหาอำมหิตตาธิคุณแห่งองค์ธรรมมารดา

ธรรมะลงโปรดเพื่อฉุดช่วยสาธุชนคนบุญ ส่วนภัยพิบัติลงมาก็เพื่อกวาดล้างคนชั่ว
การกระทำของมนุษย์ก่อให้เกิดภัยพิบัติ
ฉะนั้น ธรรมะลงโปรดเพราะเนื่องจากมีภัยพิบัติ
หากวิถีธรรมเจริญเฟื่องฟู มหันตภัยก็จะลดน้อยลง


หมายเหตุ>>ที่จริงภัยธรรมชาติอะไรไม่มีลด มันมีปกติในโลก แค่ยุคปัจจุบันข่าวสารมันแพร่กันไปได้ทั่วโลกภัยเลยดูเยอะ !! แต่ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเท่าไรก็เป็นเรื่องปกติของโลกอยู่ดี และเพราะลัทธินี้ต้องแผ่ไปได้มากๆ ผู้นำจะได้เสวยสุข มีภัยก็จะได้มีทุนหนีไปหลบอีกที่ สาวกจนๆ ก็โดนภัยพิบัติตายคาสถานธรรมไปเลย ผู้นำก็ไปหาคนมาเข้าลัทธิใหม่....

จึงเห็นได้ว่าการกล่อมเกลาคนให้เข้าสู่กระแสธรรมก็เป็นการช่วยกอบกู้ภัยพิบัติได้เช่นกัน


หมายเหตุ >>มันจะให้เอาเรื่องพวกนี้ไปกล่อมเกลา เป่าหู ล้างสมอง คนทั่วๆ ไป...ช่างเลวทรามมากๆ สรุปก็จะโยงไปว่าพาคนมารับธรรมมะกับลัทธิจะช่วยลดภัยพิบัติได้  เวลาที่ลัทธินี้ทำนายเรื่องโลกแตกแล้วมันทำนายผิดก็ใช้เหตุผลนี้ด้วยเช่นกัน

ธรรมญาณเดิมของพระอนุตตรธรรมเจ้าเบื้องบนได้แบ่งพระภาคลงมายังโลกมนุษย์ 96 ร้อยล้านดวง
ในธรรมกาลยุคเขียวและธรรมกาลยุคแดงสองยุคนี้ได้ฉุดช่วยดวงธรรมญาณรวม 4 ร้อยล้านดวงกลับคืนสู่อนุตตรภูมิ  ยังเหลือพุทธบุตรคนเดิมอีก 92 ร้อยล้าน

เพราะฉะนั้น ในยุคสามปลายกัปนี้ต้องฉุดช่วย "เศษธรรมญาณ" อีก 92 ร้อยล้านดวง


หมายเหตุ>>นี่มันบ้าบออะไรกันนี่ !! ตกลงนี่คือสถิติใหม่ของลัทธิประชากรของเหล่าดวงจิตในโลกนี้คือ 96 ร้อยล้านดวง ?? แต่ถ้าดูจากสถิติประชากรมนุษย์โลกปัจจุบันก็มี 7พันกว่าล้านคนเข้าไปแล้ว นี่ยังไม่รวมพวก สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายทั้ง หมา แมว นก แมลงตัวเล็ก ๆ เหลือบไร ทั้งหลาย และก็ยังไม่รวมภพภูมิอื่น ๆ ที่มองไม่เห็น ทั้ง ผี สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เท่วดา พรหม เหล่านี้ จึงนับว่าตัวเลขของลัทธินี้จึงขัดแย้งกับทุกภาคส่วนและขัดแย้งกับพุทธศาสนาแน่นอน

เนื่องด้วยเหตุนี้ พระอนุตตรธรรมมารดาจึงได้เบิกเมตตาประทานธรรมแท้ลงมา เพื่อปกโปรดไตรภูมิอย่างกว้างขวาง ประกาศพุทธธรรมอย่างยิ่งใหญ่

แต่ทว่าในกาลนี้จิตใจมนุษย์ได้ขาดธรรมะอย่างสิ้นเชิง
มวลพุทธบุตรได้เกิดๆ ตายๆ อาลัยอาวรณ์อยู่กับมายาภาพแห่งโลกโลกีย์ หลงลืมธรรมญาณเดิมแห่งตน เมื่อไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน แล้วใยจะรู้จักหาหนทางกลับสู่ที่เดิมได้ จึงทำให้ยิ่งหลงก็ยิ่งลึก จิตใจไม่ประเสริฐงดงามเฉกเช่นครั้งจำเนียรกาล

หมายเหตุ >>มันจะบอกว่าลัทธิของมัน เป็นของจริง จริงๆ นะจ๊ะ ...แล้วคนที่หลงเข้าลัทธิมันไปได้ มันก็เห็นว่าเป็นคนดี ที่เคยโง่ ที่เคยเลวทราม จิตใจต่ำช้าสกปรก พอเข้าลัทธิมันไปแล้วจึงฉลาด เป็นคนดี มีคุณธรรม ...ตามความเป็นจริง ต้องเรียกว่าคนโง่ ที่โง่งมงายมากกว่าเดิม แล้วหลอกตัวเองเก่งขึ้น !!!


ภายใต้แบบแผนของโลกในปัจจุบัน ผู้คนไม่กล่าวถึงคุณธรรม ข่าวการฆ่าฟันกันในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันเห็นกันจนเป็นธรรมดา ละเมิดประเวณี ขาดจริยธรรม ซ้ำยังไม่รู้จักละอาย ไร้ความกตัญญู ขาดมโนธรรม และยังไม่รู้จักสำนึก เธอยื้อฉันแย่งทำให้สังคมมืดมิด จิตใจมนุษย์เหี้ยมโหด ลุ่มหลงจนเกินควร ทำให้สภาพการที่เลวร้ายนี้ได้มาถึงขีดสุด


หมายเหตุ >>มันกำลังพร่ำเพ้อพรรณนา สรรหาเรื่องจูงใจ คนที่หลงคล้อยตามมันก็หวั่นไหว อ่อนไหวปวกเปียก ต้องวิ่งเร่เข้าสถานธรรมไปยึดถือเกาะเกี่ยวไว้ด้วยความมุ่งหวัง...น่าเวทนา

ทั้งหมดนี้ จึงเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมหันตภัยร้ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต อย่างที่เราเรียกว่า "ยุคสามปลายกัป"

หมายเหตุ >>มันต้องขายภัยพิบัติ ให้พวกคนขี้กลัวตาย กลัวสูญ กลัวหาย กลัวไม่ได้เสวยสุข มุ่งเข้าหาลัทธิมันทุกกรณี เพราะมันเอาความเที่ยงแท้ถาวร เอาความสุข เอาความหวัง เอายศฐาบรรดาศักดิ์ เอาอะไรต่อมิอะไรมาแอบอ้างชวนเชื่อรองรับบุคคลเหล่านี้ไว้เรียบร้อย พอถูกล้างสมองไปแล้วก็ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ คนพวกนี้ น่าสงสาร น่าเวทนา และมีไม่น้อย เข้าขั้นน่าสมเพชเลยทีเดียว นะจ๊ะ !!


ท่ามกลางวาระยุคสาม ในขณะที่มหันตภัยได้เกิดขึ้นในธรรมกาลยุคขาวนี้ วิถีธรรมได้ลงโปรดสู่สามัญชน การที่จะฉุดช่วย "คนเดิม" จำนวนมากนี้หาใช่เรื่องง่าย

ฉะนั้น ฟ้าเบื้องบนจึงได้เมตตากรุณา ทรงมีพระบัญชาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธอริยเจ้าที่เคยสำเร็จธรรมกลับไปในธรรมกาลยุคเขียวและธรรมกาลยุคแดงกว่าสี่ร้อยล้านพุทธบุตร ลงมายังโลกมนุษย์


หมายเหตุ >>เอากับมันเลยจ๊ะ ไปนิพพานแล้วขนกันกลับลงมา ทุกๆ แสนกว่าปีเทียวเกิดเทียวทุกข์ นี่มันของแหกตาชัดๆ เลยนะจ๊ะ !!

อาศัย "ครรภ์มารดาเกิดกายา" กระจายไปยังเก้าทวีป 


หมายเหตุ>> เอะ...โลกเรามีตั้ง 9 ทวีปเลยเหรอ ?? 

เพื่อบำเพ็ญธรรมแท้ กล่อมเกลาจิตญาณ ช่วยงานฟ้าปฏิบัติงามธรรม ประกาศแพร่ธรรมแทนเบื้องบน เพื่อปกโปรดฉุดช่วยมวลเวไนย ไม่ว่าจะเป็นเช้าสายบ่ายค่ำ ทุ่มเทเสียสละทั้งแรงทรัพย์และแรงกาย

หมายเหตุ >>ที่จริงมันก็คือแนวทางการหลอกใช้ ใครทำตามที่มันว่า ทุ่มเทเพื่อลัทธิ มันก็ยกยอกันเองว่าเป็นอะไรต่อมิอะไรลงมาเกิด ...ทำไปก็เอาหน้าไป น่าทุเรศ+สมเพช ไม่น้อยเลย....

โดยมีเป้าหมายเพื่อ "เก็บงานสมบูรณ์" ให้ทุกคนได้ "มรรคพูนผลพร้อม" รอวาระสมบูรณ์ที่จะได้กำหนดอาริยฐานะ เพื่อผู้บำเพ็ญจะได้เสวยทั้งบุญและบารมีนั่นเอง !

หมายเหตุ >>นี่ไง มาแล้ว หวังฐานะ หวังยศฐาบรรดาศักดิ์ รอเสวยบุญ หวังบุญติดบุญ เชื่อเขาเป่าหู ทำเพื่อตัวเองนั่นแหละ พวกนี้มีแต่ "ตัณหา" นะจ๊ะ แล้วนิพพานบ้านเก่าพวกมันจะไม่เรียกว่า "นิพพานมาร" จะให้เรียกได้ว่าอย่างไร เละเทะขนาดนี้นะจ๊ะ !!

ด้วยเหตุนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธอริยเจ้าจึงกล่าวว่า : "งานธรรมในธรรมกาลยุคขาวครั้งนี้ สะเทือนฟ้าสะเทือนปฐพี ไม่ว่าจะเป็นเทพ เซียน หรือพุทธะที่อวตารภาคมายังโลกมนุษย์ ล้วนมีโอกาสที่จะสร้างคุณงามความดีในยุคสามนี้อีกครั้ง เพื่อเป็นฐานในการกำหนดมรรคผล ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิบัติงานเพื่อธรรมะ ล้วนได้รับประทานฐานบัวอาสน์ (!!)


หมายเหตุ>> อ้อ..ตกลงพระแม่มีของขวัญรอไว้บนนิพพานเป็นฐานดอกบัววิเศษนะจ๊ะ

โดยไม่แบ่งแยกว่าเธอจะเคยเป็นเซียน พุทธะ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในอดีตชาติมาเกิด และไม่แบ่งแยกว่าเธอจะเคยเป็นมนุษย์ ผี หรือเดรัจฉานก็ตาม ... หากในยุคสามนี้ใครสามารถสร้างบุญจริงกุศลแท้ ล้วนสำเร็จเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธอริยเจ้ากลับคืนสู่อนุตตรภูมิได้ด้วยกันทั้งนั้น ! "


หมายเหตุ >> เห้อ ยิ่งอ่านยิ่งสมเพช โฆษณาชวนเชื่อลัทธิ มีอะไรก็ยกลงปัจจุบันที่ลัทธินี้เข้ามาแอบอ้าง ให้คนมันมีกิเลสตัณหา จะเอาบัว จะร่วมงานเลี้ยง จะไปเสวยสุข จะไปนิพพานบ้านแม่องค์ธรรม บุญบารมีอะไรต้องทำตามลัทธิสอน ...หลอกตัวเอง หลอกผู้อื่น กืเลสตัณหาเหลือล้น เป็นลัทธิแห่งวงจรอุบาทว์ของแท้ ...เวรกรรม เวรกรรม !!



ขอบคุณ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=413892978721072&set=pb.270304969746541.-2207520000.1380538303.&type=3&theater



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น