วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

เข้าทรงกับโรคจิต !!!


นพ.กัมปนาท  ตันสิถบุตรกุล


เขียนโดย...นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.)


     หลายปีก่อน ผมมีโอกาสได้ดูแลคนไข้ประเภทหนึ่ง มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนน่ากลัวยิ่งนัก คนไข้เหล่านั้นจำเป็นต้องให้ญาติหลอกพามาหรือบังคับพามารักษา เนื่องจากมีความคิดแปลกๆและพฤติกรรมแปลกๆ ไม่ยอมรับความเป็นจริง .....คือยอมละทิ้งสิ่งดีๆที่ตนเองมีอยู่ เช่น หน้าที่การงาน หรือครอบครัว ไปอยู่กับคนบางประเภท เช่น ร่างทรง หมอดู พระฤาษี ตามป่าเขาลำเนาไพร พระบางรูปที่อ้างว่ามีชื่อเสียง อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ บางคนกลุ่มหลงขนาดยอมกู้หนี้ยืมสินเพื่อเอาเงินไปทุ่มเทให้คนเหล่านั้น โดยที่ญาติไม่ทันสังเกต กว่าจะมารู้เรื่องราวก็เกือบสายไปเสียแล้ว 

ผู้ป่วยชายรายหนึ่ง ภรรยาพามารักษา เพราะคิดว่าสามีโดนร่างทรงหลอกเอาเงินไป (ชายคนนี้เป็นนักธุรกิจมีที่ดินมากมาย เงินทองก็ไม่น้อย) หายจากบ้านเป็นเดือนๆ ทรัพย์สินเริ่มหายไป ซึ่งภรรยาไม่คิดว่าเขาจะนอกใจ แต่คิดว่าถูกหลอกแน่นอน จึงหาทางหลอกล่อเอาสามีมารักษา หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มคนที่เรียกว่าเป็นสาวกของร่างทรงตามบุกมาถึงโรงพยาบาล แถมเอาไปออกข่าวว่าคนไข้ปกติดี หาทางเล่นเส้นสายเพื่อจะเจาะเข้าไปถึงคนไข้ในหอผู้ป่วยให้ได้ ในที่สุดภรรยาก็ถูกคนตามมาฆ่าตายถึงบ้าน ส่วนคนไข้ก็รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก จนเริ่มดีขึ้น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ผู้ป่วยขาดยาอีก อาการก็กลับมาแย่ลงอีก และกลับไปหาร่างทรงคนเดิม(ซึ่งตอนนั้นถูกจับเพราะสงสัยจ้างวานฆ่าภรรยา) และอาการกลับแย่ลงอีก เริ่มมีการยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินอีก ลูกๆไม่กล้าทำอะไร เพราะเกรงถูกขู่ฆ่าเหมือนมารดา เท่าทีทราบ ตอนหลังอยู่ดีๆก็มีภาวะไตวายเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุครอบครัวคิดว่าผู้ป่วยโดนวางยา แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ทราบชะตาคนไข้อีก เพราะผมออกจากราชการมาแล้ว ....ในใจก็อดสงสารครอบครัวนี้ไม่ได้ 

มีอีกหลายครอบครัวที่ต้องหมดเงินหมดทองไปกับรูปแบบการหากินแบบนี้ ที่พบบางราย พวกร่างทรงหมอดู ก็ป่วยทางจิตด้วย ก็เหนี่ยวนำให้คนเข้ามาลุ่มหลง จมอยู่กับความเชื่อที่เกิดจากอาการหลงผิดของผู้นำเหล่านั้น จนกลายเป็นป่วยกันหมดทั้งวงการ 
บางรายก็โดนผู้นำลัทธิเหล่านั้นรวมหัวกันหลอก เพราะแอบสังเกตว่าเหยื่อดูแปลก น่าจะป่วยทางจิตหรือจิตอ่อนแอ สามารถเป็นช่องทางหลอกล่อหาผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะเงินทองทรัพย์สิน มีคนมาเล่าให้ฟัง รวมถึงคนไข้หลายคนก็โดนหลอกจนเสียเงินกันไปหลายสิบล้านบาท โดยที่ไม่มีใครช่วยอะไรได้ ประเด็นหลังนี้ ตัวผู้หลอกลวงมักจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพหรือ 18 มงกุฎ

........ดูเผินๆ เหมือนเหยื่อเหล่านั้นจะพูดจารู้เรื่องดี โต้ตอบดี 


ญาติก็เข้าใจว่าเป็นเพราะไป"ลุ่มหลง" แต่ไม่รู้จักคำว่า "หลงผิด" 
ในทางการแพทย์เรียกว่า Delusion ถือเป็นอาการของโรคจิตบางประเภท ที่เกิดขึ้นในคนป่วยทางจิต 
เช่น โรคจิตเภท โรคไบโพลาร์(โรคอารมณ์แปรปรวนชนิดสองขั้ว) และแม้แต่โรคจิตชนิดหลงผิดเอง (Delusional Disorder) 

ชนิดหลังนี้ถือว่าเป็นโรคจิตหลงผิดที่รักษาไม่ง่ายเลย เพราะผู้ป่วยไม่มีอาการหูแว่วประสาทหลอน แต่มีแค่ความคิดที่บิดเบือนหลงผิด งมงายอยู่กับความเชื่อของเจ้าลัทธิที่ตนเองเข้าไปติดกับ การรักษาค่อนข้างยากมาก ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ต้องแยกจากต้นตอที่ปั่นหัวเหยื่อเหล่านั้น และต้องรับประทานยารักษาอาการหลงผิดร่วมด้วย บางรายต้องใช้ยาในขนาดที่สูงมากและเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและต้องต่อเนื่อง กว่าจะฟื้นกลับมาได้



โรคจิตชนิดหลงผิดนี้ เป็นโรคที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการลุ่มหลงดังกล่าวข้างต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัย แต่ที่พบมากจะพบในวัยผู้ใหญ่และวัยกลางคน เช่น อายุมากกว่า สี่สิบปีขึ้นไป มักสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้าด้วย เมื่อไรที่ร่างกายอ่อนแอ จิตใจอ่อนแอ หรือป่วยกระเสาะกระแสะ ก็จะถูกกระตุ้นหรือชักนำเหนี่ยวนำให้มีอาการได้ง่าย สำหรับข่าวดังๆของคนดังท่านหนึ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มีการสงสัยว่าจะมีการวางยา มอมยาหรือไม่ อันนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาหากผมได้พบหรือดูแลผู้ป่วย จะต้องส่งตรวจหาสารเคมีในร่างกายเสมอ ซึ่งห้ามมองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาด (ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งเลือดไปตรวจที่ ร.พ.รามาธิบดี เพราะเป็นศูนย์แล็บที่มีมาตรฐานและทันสมัยมาก) เพราะสารเคมีที่มิจฉาชีพใช้กันอยู่ในสังคมไทยมีหลากหลายรูปแบบหลายชนิด เท่าที่ทราบมาว่าสามารถตรวจได้เป็นร้อยๆชนิด บางชนิดก็สามารถกล่อมประสาทให้ลุ่มหลง ขาดสติได้ โดยเฉพาะเมื่อได้ไปเจอกับคนที่แสวงหาผลประโยชน์และพอมีความรู้ทางด้านจิตวิทยาก็จะสามารถหลอกล่อให้ไปติดกับดักได้ง่าย จนผู้ป่วยเหล่านี้เสียผู้เสียคนหรือเสียเงินเสียทองมานักต่อนักแล้ว

อย่าลืมใส่ใจคนในครอบครัวของท่านกันเยอะๆนะครับ สังคมในปัจจุบันนี้มันน่ากลัวและโหดร้ายกันมากเหลือเกิน คนที่มีความอ่อนแอทางจิตใจ จะตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้อยู่เสมอ 
ผมมีคนไข้ไม่น้อยเลยที่หมดเงินไปกับการทำบุญตามวัดที่เน้นแต่เรื่องวัตถุ เสียเงินเสียทองไปมากมาย โดยไม่ได้แม้แต่ความสุขทางใจกลับมา....อย่าลืมว่า สังคมเสื่อม ศาสนาก็เสื่อม เพราะมีคนคอยทำลายศาสนา เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆและการสร้างอำนาจบารมีให้กับตนเอง.....แต่ที่สำคัญที่สุด .....คือคนไทยนั่นแหละ เป็นคนที่ยอมให้เขาหลอก หลงเชื่อโดยขาดสติพิจารณาดีๆ อะไรหวือหวาฟู่ฟ่า ตามกระแส ก็เฮโลกันเชื่อเข้าไป ไม่ยั้งคิด

....คิดง่ายๆ อะไรก็ตามที่อ้างอิงถึงหลักคำสอนทางศาสนาหรือเรื่องจิตวิญญาณของมนุษย์ ....ไม่ควรจะมีเรื่องทรัพย์สินเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องให้เกิดความวุ่นวายใจ หรือมีการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง ...เพราะเงินทองถ้ามีบ้างพอประมาณจะช่วยค้ำจุนสืบทอดศาสนา แต่ถ้ามากเกินไป ก็เป็นตัวสร้างกิเลสและนำไปสู่การทำลายศาสนาได้ในเวลาเดียวกัน...



ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=429638713810561&set=a.187334648040970.40202.160858877355214&type=1


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น