วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

ลัทธิอนุตตรธรรมกับการโกหกยุคพระศรีอารีย์

ภาพบน ^^ พระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ ลักษณะมหาบุรุษ ยุคคันธาระ อินเดียโบราณ



พระศรีอาริยเมตไตรย์

เรียบเรียงโดย...ตีแผ่ความจริงลัทธิธรรมปฏิรูป



จากสัจจคาถาเมตไตรยยะ หรือหมีเล่อเจินจิงของลัทธิอนุตตรธรรมได้กล่าวว่า
ฝอซัวหมีเล่อจิ้วขู่จิง : พระพุทธองค์ได้โปรดแสดงธรรม ว่าด้วยคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะอันสามารถเปลื้องทุกข์ได้กล่าวคือ

หมีเล่อเซี่ยซื่อปู้เฟยชิง : อันว่าพระเมตเตยยะ โปรดอุบัติมาในกาลครั้งนี้ เพื่อเจริญปณิธานโปรดสามโลกในชั้นเทพเทวา มนุษย์ และผี เพื่อการแปรเปลี่ยนโลกวุ่นวายให้เป็นเอกภาพ สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกันการอุบัติมาของพระองค์ในครั้งนี้จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อยธรรมดา

หลิ่งเป่าฉีหลู่หลิงซันตี้ : พระองค์สนองรับพระโองการล้ำค่าหาใดเสมอเหมือน ดุจดั่งรัตนะวิเศษสุดจาก อนุตรพระแม่องค์ธรรมฯ พระเมตเตยยะอุบัติมา ณ เมืองฉีหลู่ มณฑลซันตง ดินแดนวิเศษแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์


อธิบาย...

ลัทธิอนุตตรธรรมได้สั่งสอนบรรดาสาวกของลัทธิว่า ยุคนี้คือ ธรรมกาลยุคขาวซึ่งเป็นยุคของพระศรีอารยเมตตรัยพุทธเจ้า แต่ในทางพระพุทธศาสนาจากหลักฐานพระไตรปิฎก คำสอนของลัทธิอนุตตรธรรมได้สอนขัดแย้งจากพระไตรปิฎกเป็นอย่างมาก เพราะในพระไตรปิฎกได้แสดงไว้ว่า พระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไปในกัปนี้จะมีในอนาคตอีกนานแสนนาน ในยุคนั้นมนุษย์จะมีอายุยืนประมาณแปดหมื่นปี คนจะมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เมื่อพระพุทธเจ้าพระนามว่าศรีอริยเมตไตยอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ย่อมแสดงพระธรรมเหมือนกับพระพุทธเจ้า พระองค์ปัจจุบัน คือ เรื่องสติปัฏฐาน อริยสัจ ๔ เป็นต้น...


ภาพบน ^^ พระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ ลักษณะมหาบุรุษ 
ประทับท่ามกลางหมู่นิกรในสวรรค์ชั้นดุสิต ...ยุคคันธาระ อินเดียโบราณ


จากพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑ หน้าที่ 119
ข้อความบางตอนจากจักกวัตติสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปีจักมีพระเจ้าจักรพรรดิ์ทรงพระนามว่าพระเจ้าสังขะ ทรงอุบัติขึ้น ณ เมืองเกตุมดีราชธานี เป็นผู้ทรงธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีราชอาณาจักรมั่นคงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ ๗. พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้. พระองค์ทรงชำนะโดยธรรม มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดินมีสาครเป็นขอบเขต.



ภาพบนูู^^พระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ แสดงพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า 
ทรงเทินพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระศากยมุนีพุทธเจ้าไว้บนพระเศียร (เจดีย์สีขาว) ...ศิลปะทิเบต


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์อายุแปดหมื่น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าเมตไตรย์จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้ เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม.


พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัด ด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามเหมือนตถาคตในบัดนี้ ฯลฯ



ภาพบน^^รูปหล่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ 
แสดงภาคเป็นเทพบุตร ลักษณะมหาบุรุษ ...ศิลปะทิเบต


ในยุคของพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระศรีอริยเมตไตรยทรงเป็นพระสาวก มีพระนามว่าพระอชิตเถระ ครั้งหนึ่งทรงได้รับพุทธยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

จากเอกสารเรื่องอนาคตวงศ์ สรุปได้ว่า 
พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ ในครรภ์ของนางเมตไตรยพราหมณี ภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิ แห่งเกตุมดีนคร 

เมื่อทรงประสูติได้มีนิมิต ๓๒ ประการแล้ว ก็บังเกิดปราสาท ๓ หลังเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อพระชนมายุ 8,000 ปี ทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้ง 4 จึงทรงพอพระทัยในการบวช เสด็จขึ้นไปสู่ปราสาท ปราสาทก็ลอยขึ้นสู่อากาศ มาลงที่ใกล้โพธิมณฑล ท้าวมหาพรหมอัญเชิญอัฏฐบริขารมาถวาย พระโพธิสัตว์ทรงเอาพระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี ทรงรับเครื่องอัฏฐบริขารที่ท้าวมหาพรหมนำมาถวาย

ผนวชแล้วบำเพ็ญเพียร มีคนบวชตามเป็นอันมาก พระโพธิสัตว์ประทับนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณในมัชฌิมยาม ทรงทำให้แจ้งทิพยจักษุญาณในปัจฉิมยาม ทรงพิจารณาปัจจยาการ 12 ประการ ในเวลารุ่งอรุณ ทรงบรรลุซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใต้ต้นกากะทิง

พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ



ภาพบน^^พระศรีอาริยเมตไตรย แสดงภาคมหาบุรุษ ประทับกลางภิกษุสาวก 
งานแกะสลัก พบที่ถ้ำ ในยุคพระพุทธศาสนาโบราณในจีน ...ศิลปะจีน



จากสัจจคาถาเมตไตรยยะ หรือ หมีเล่อเจินจิง ของลัทธิอนุตตรธรรมได้กล่าวว่า


เซ่อจุ้ยซันเฉาจิ้วจ้งเซิง : 

เป็นบุญวาระสุดท้ายที่เบื้องบนทรงโปรดฉุดช่วยมวลชีวิตจิตญาณ เทพเทวา มนุษย์ ผี ที่ได้รับการฉุดช่วยทั้งสามโลกในครั้งนี้จะได้รับการอภัยโทษผ่อนผันเป็นการเฉพาะจากองค์ธรรมมารดา

จิ้วขู่เทียนจุนไหลจิ้วซื่อ : 

เมื่อพระเมตเตยยะ จะเจริญมหาปณิธานมาปรกโปรด เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ให้ชาวโลกในครั้งนี้...

หงหยังเหลี่ยวเต้ากุยเจียชวี่ :

เมื่อยุคกาลของธรรมกาลยุคแดงล่วงเลยไปผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคแดงต่างก็บรรลุธรรมกลับคืนบ้านเดิมเบื้องบนไปแล้ว

จ่วนเต้าซันหยังหมีเล่อจุน : 

บัดนี้ย่างเข้าสู่ธรรมกาลยุคที่สาม พระศรีอารยเมตไตรยจะปกครองธรรมกาลต่อไปหนึ่งหมื่นแปดร้อยปี..."

อธิยาย>>
จากอนาคตวงศ์ ในพระพุทธศาสนา
พระศรีอริยเมตไตรย หรือพระเมตไตรย เป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าเมื่อศาสนาของพระศากยมุนีพุทธเจ้าสิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่ยุคมิคสัญญี

ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จนอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี จากนั้นจึงลดลงอีกจนเหลือ 80,000 ปี เชื่อว่าในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่บำเพ็ญบารมีครบ 16 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น "พระเมตไตรยพุทธเจ้า"
เมื่อองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า พระชนมายุ 8000 ปี ออกผนวช และตรัสรู้แล้ว จนล่วงลับดับขันธ์ปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุ 80,000 ปี

จนเวลาล่วงไปจนสิ้นพระศาสนาของพระองค์โลกก็จะเป็นกลียุค แล้วล่วงไปจนถึงไฟประลัยกัลป์ล้างโลก สิ้นแผ่นดินแผ่นฟ้าตลอดกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกว่า สุญญกัปป์ จะว่างเปล่าจากพระพุทธเจ้า นานนับอสงไขย โลกเรียกว่ายุคมืด

ภาพบน^^พระศรีอาริยเมตไตรย แปลงคติจากรูปลักษณะมหาบุรุษเดิมกลายเป็นภิกษุจีนจีนพุงพลุ้ย
ถือถุงย่าม ชื่อโป่ยต่อห่อเสียง คติดังกล่าวเกิดในสมัยหลัง ที่พระภิกษุรูปดังกล่าวก่อนสิ้นชีวิตเขียนกลอนถึงนิรมานกายพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระเมตไตรย์ จึงเป็นที่มาให้ชาวจีนเปลี่ยนรูปพระมหาบุรุษให้เป็นหลวงจีนรูปดังกล่าว ...ศิลปะจีน


เมื่อสิ้นกาลช้านานแห่งสุญญกัปป์นั้น นับได้อสงไขยล่วงไปแล้ว จะเกิดกัปใหม่ตั้งแผ่นดินขึ้นใหม่เรียกว่ามัณฑกัปป์ จะมีสมเด็จพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิเจ้า และสมเด็จบรมจักร 

ในกาลครั้งนั้นจึงมีพระรามเจ้าเป็นอาทิจะได้ตรัสรู้ก่อน พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่สมควรจะได้ตรัสรู้นั้น ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบๆ กันไป มีดังนี้

พระรามพุทธเจ้า
พระธรรมราชาพุทธเจ้า
พระธรรมสามีพุทธเจ้า
พระนารทพุทธเจ้า
พระรังสีมุนีพุทธเจ้า
พระเทวเทพพุทธเจ้า
พระนรสีหพุทธเจ้า
พระติสสพุทธเจ้า
พระสุมงคลพุทธเจ้า

และหลังพระอนาคตวงศ์นี้ ก็มีพระโพธิสัตว์บารมีเต็มรอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอีกนับจำนวนไม่ถ้วนพระองค์

................______________________.................


ที่มา__ตีแผ่ความจริงลัทธิธรรมปฏิรูป





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น