วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

เมื่อคนไทยไม่ศึกษาพระไตรปิฏกจึงถูกหลอก



เมื่อคนไทยไม่นิยมจะศึกษาพระไตรปิฏก 
จึงถูกหลอกจากผู้ไม่หวังดี 


เขียนโดย..มหาวัด


เป็นที่รู้กันว่า พระไตรปิฎก คือที่สถิตของพระศาสดา
คัมภีร์ศาสนา เช่น ในพระพุทธศาสนาคือพระไตรปิฎกก็เป็นมาตรฐาน เป็นเกณฑ์ตัดสินความเชื่อและการประพฤติปฏิบัติ
เดี๋ยวนี้มักมีคนที่อ้างว่าตนเป็นนักปิฏบัติไม่จำเป็นต้องอ่านพระไตรปิฏก ก็ปฏิบัติได้ ซึ่งก็ดูจะเป็นเรื่องไร้สาระ


คนพวกนี้มักพูดว่า ถ้าคุณอ่านพระไตรปิฏกก้เป็นพวกบ้าตำรา ติดตำรา ซึ่งความจริงคนประเภทนี้คือคนที่ติดตำราแล้วไม่โยงเข้ามาพัฒนาชีวิตอันประเสริฐของตนต่างหาก ที่ศึกษามาจึ่งเป็นอาหารสมอง ที่บำรุงความคิดเชิงวิเคราะห์ ความจำเพียงแค่นั้น แต่ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์

พระพุทธเจ้าเองก็ตรัสว่า เมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว ธรรมวินัยที่ทรงแสดงแล้วและบัญญัติแล้ว แก่สาวกทั้งหลายนั้น จะเป็นศาสดาแทนพระองค์สืบต่อไป

และ ธรรมวินัยนั้นเวลานี้ก็รักษาไว้ในพระไตรปิฎก เป็นหลักการและหลักเกณฑ์ของพระพุทธศาสนา ที่มาจากพุทธพจน์และพุทธบัญญัติ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน  


ซึ่งพระพุทธเจ้าได้พยายาม ที่จะแสดงหลักการนี้ไว้ให้ชัด เท่าที่จะใช้ภาษาสื่อสารให้สติปัญญาของผู้ปฏิบัติรู้เข้าใจได้ ถ้ามิฉะนั้นผู้ปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติไปก็อาจจะหลงทางไปในทางของมารได้
นี่เป็นเรื่องสำคัญมากของคนเป็นครูเพราะคำสอนเป็นดาบสองคม ธรรมะนั้นถ้าไม่ตัดทำลายกิเลส ความยึดมั่นถือมั่นก็จะไปเพิ่มพูนความยึดมั่นถือมั่นกิเลสแทนได้  จากความเข้าใจผิด ตีความผิดของผู้ปฏิบัติ เช่นหลักสุญญตา ก็อาจจะกลายเป็นหลักว่างแบบวิปริตที่ทำอะไรก็ได้ตามใจเวรกรรมบุญบาปไม่มีนรกสวรรค์ไม่มีความหลุดพ้นไม่มี



ดังนั้นจึ่งเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่งว่า ธรรมะนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วชัดเจนครบถ้วนไม่มีนอกใน

ล้ว  สิ่งที่ควรทำก็ คือเร่งชวนกันหันมายกเอาพระไตรปิฎกของเราขึ้นศึกษา แม้จะสักสองสามเล่มก็ยังดี  ยังจะจับสาระที่แท้ได้จริงกว่า การเดาส่งเดชและอ้างทิฏฐินั้นว่าเป็นพระพุทธศาสนาหรือการไปเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อของบรรดาเจ้าลัทธิที่อ้างว่าได้ยินได้ฟังมาจากพระพุทธเจ้า 

เพื่อจับสาระให้ได้ว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร มุ่งเน้นให้ปฏิบัติอะไร และเห็นอะไร?

จนถึงกับใช้เป็นมาตรฐานในการเปรียบเทียบกับลัทธิทั้งหลายหรือสำนักปฏิบัติทั้งหลายไม่ใช่แค่ลัทธินอกศาสนาอย่างอนุตรธรรมแต่รวมถึงสำนักในศาสนาพุทธเรานี้ด้วยตลอดจนหมอดู คนทรง ต่าง ๆ ที่มักอ้างตัวว่าเป็นคนสอนธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ว่ามีเนื้อหาสาระ
ตามที่เขาอ้างจริงหรือไม่?


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อใครง่าย ๆ จนถึงกับถูกเขาหลอกลวงทรัพย์สิน ทำลายชีวิต ยังเป็นการสร้างสัมมาทิฏฐิ ให้เกิดขึ้น อันเป็นกุญแจไขประตู
แห่งความหลุดพ้นได้อีกด้วย




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น