ลัทธิอนุตตรธรรม แอบอ้างไม้กางเขนและพระเยซู
โดยเรื่องนี้มีการดึงเอา ไม้กางเขน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งคริสต์ศาสนาไปแอบอ้างเพราะต้องการจะโยงไปสู่เรื่อง จุดญานทวารกลางคิ้ว ซึ่งลัทธิอนุตตรธรรมอุปโลกขึ้นมาว่าคือประตูนิพพาน โดยนำไปวาดใหม่ดังนี้
ให้วาดรูปไม้กางเขนและวาดวงกลมครอบลงไปจะได้วงกลมมีสี่แฉกด้านในพอใส่ตาตรงแกนสองข้างจะเป็นหน้าคน ตรงกลางก็คือดั้งจมูกเป๊ะ...
จากนั้นลัทธิจึงอุปโลกเรื่องใหม่ขึ้นว่า ไม้กางเขน นี้เป็นสิ่งที่พระเยซูทำขึ้นมาเพื่อจะบอกถึงจุดญาณทวารกลางคิ้ว ซึ่งในลัทธิอนุตตรธรรมถือว่าเป็นประตูนิพพาน แต่พระเยซูนั้นปกปิดเป็นความลับเพราะเป็นความลับสวรรค์จึงทำรูปไม้กางเขนเพื่อเป็นปริศนาธรรมซึ่งแม้แต่คนในคริสศาสนาก็ไม่ทราบได้นอกจากจะเข้ามาในลัทธิอนุตตรธรรมเท่านั้น
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่แอบอ้างเอาไม้กางเขนและพระเยซูมารับรองความมั่วของลัทธิตัวเองเท่านั้น
ขอชี้แจงความมั่วนี้ว่า >> ไม้กางเขน พระเยซูไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมาและพระเยซูคริสต์ไม่ได้บัญญัติให้แทนจุดกลางคิ้วดังกล่าวแน่นอน แต่เป็นของที่มีอยู่ดาษดื่นในสมัยนั้น ที่เป็นเครื่องทรมาณนักโทษ คนที่คิดจึงเป็นชาวโรมันที่มีอำนาจในตอนนั้น ซึ่งของดังกล่าวเป็นเครื่องประหาร ที่ถูกนำมาใช้ทรมาณพระเยซูนัยว่าเป็นการล้างบาปให้หมู่มนุษย์ ตามความเชื่อชาวคริสต์ในยุคต่อๆ มา ที่จะสร้างไม้กางเขนไว้ก็เพื่อให้ระลึกถึงความรักและการเสียสละของพระศาสดาองค์ดังกล่าว ที่มีให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
ตอนนี้เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่าไม้กางเขนคืออะไร ซึ่งรับรองว่าไม่ไช่อย่างที่ลัทธิอนุตตรธรรมนำไปแอบอ้างแน่นอนครับ
ความหมายที่แท้จริงของกางเขน (The Cross)
กางเขนที่พระเยซูแบกไปนั้นเข้าใจกันว่าเป็นกางเขนที่เราเห็นอยู่ในโบสถ์ทั่วๆ ไปซึ่งเรียกกันว่ากางเขนแบบลาติน กางเขนในสมัยนั้นไม่ได้มีอยู่แบบเดียวเท่านั้น ยังมีกางเขนรูปตัว X เรียกว่ากางเขนของนักบุญอันดรูว์ เพราะเชื่อว่าอัครสาวกอันดรูว์ถูกตรึงด้วยกางเขนชนิดนี้
แบบที่ 3 ก็เป็นรูปตัว T มีชื่อว่ากางเขนแบบเทา (Tau Cross) เป็นกางเขนเก่าแก่ตั้งแต่พระคัมภีร์เดิม ซึ่งโมเสสใช้แบบนี้เพื่อชูงูขึ้น คราวที่เร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร
และแบบที่ 4 ก็คือแบบของกรีกที่เป็นรูปกากบาท + คือแบบสัญลักษณ์ของกาชาดนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีกางเขนอีก 3 แบบ คือ
1. แบบเยรูซาเล็ม (Jerusalem Cross) ความหมายพระกิตติคุณจะขยายไปสี่มุมโลก และรำลึกถึงบาดแผล ห้าจุดของพระเยซูคริสต์
2. แบบมอดิส (Maltese Cross) เป็นรูปดาว 4 แฉก และมีมุม 8 มุม ซึ่งเล็กถึงพระพรทั้ง 8 ประการของพระเยซู ( มัทธิว 5:3-10 )
3. แบบเคลติค (Celtic Cross) รูปแบบกางเขนที่ได้รับอิทธิพลของชาวไอแลนด์โบราณวงกลมในกางเขนมีความหมายถึงความเป็นนิรันดร์ที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย
นอกจากกางเขนสามรูปแบบที่เพิ่มเติม แล้วยังมีอีกหลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับนิกาย และศาสนศาตร์/เทวศาสตร์ (Theology) ที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามความหมายคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะคือเล็งถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน เพื่อเป็นค่าไถ่มนุษยชาติ หรือบางคนอาจจะกล่าวว่ากางเขนเป็นเครื่องหมายแห่งความรอดแก่บรรดาผู้เชื่อ
การตรึงบนไม้กางเขน เป็นวิธีการทำให้เจ็บปวดรวดร้าว เป็นวิธีการประหารชีวิตซึ่งพวกโรมันใช้ ไม่ใช่เป็นวิธีการของพวกยิว
พวกยิวในสมัยพระคัมภีร์เดิมใช้วิธีประหารชีวิตพวก อาชญากรโดยใช้หินขว้างให้ตาย และเอาศพแขวนไว้บนต้นไม้เป็นเครื่องแสดงว่าคนถูกประหารชีวิตเหล่านั้นอยู่ภายใต้การสาปแช่งของพระเจ้า (ฉธบ. 21:22-23)
พวกยิวในสมัยพระเยซูอยู่ภายใต้การปกครองของโรมไม่มีอำนาจจัดการประหารชีวิต เขาต้องยอมให้ทางโรมทำ อย่างไรก็ตามพวกชาวยิวไม่ขอให้โรมเอาหินขว้างพระเยซูให้ตาย เขาเห็นว่าจับพระองค์ตรึงบนกางเขนให้ตายมันง่ายดีกว่า (มธ. 27:22-23)
พวกยิวถือกันว่ากางเขนของพระเยซูเป็นเสมือนต้นไม้ เพราะพระองค์ถูกแขวนไว้บนท่อนไม้รูปกางเขนนั้น พวกเขาจึงถือว่าพระองค์ตกอยู่ภายใต้การสาปแช่งของพระเจ้า
แท้ที่จริงพระเยซูคริสต์ได้ทรงแบกการสาปแช่งของพระเจ้าไว้กับพระองค์อย่างที่เขาคิด พระองค์กระทำเช่นนั้นไม่ใช่เพราะพระองค์เองกระทำผิด พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความบาป แต่พระองค์ทรงรับการสาปแช่งแทนคนบาป เพราะเหตุความเข้าใจผิดเรื่องการสาปแช่งแห่งกางเขนจึงทำให้การตรึงพระเยซูบนไม้กางเขนเป็นหินสะดุดพวกชาวยิว พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อพระเยซู เพราะฉะนั้นกางเขนจึงเป็นเครื่องกีดกันพวกเขา ไม่ให้รับความรอดจากพระเจ้า
ผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ถือว่าการที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนี้เป็นรากฐานแห่งพันธกิจการช่วยให้รอดของพระเจ้า
ดังนั้นไม้กางเขนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของความรอด ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดให้ผู้เชื่อทุกคนพ้นจากความผิดบาป ข่าวประเสริฐก็คือข่าวเรื่องไม้กางเขนนั่นเอง กางเขนจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความอับอาย และความตายด้วย พระเยซูคริสต์ได้ทรงชี้แจงด้วยพระองค์เองว่า คนเหล่านั้นที่ต้องการจะเป็นสาวกของพระองค์ ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับความอับอาย ความทุกข์ทรมานและความตาย ถ้าหากพวกเขาเป็นสาวกที่แท้จริงของพระองค์
ความเป็นมาของกางเขน
เดิมทีเกิดขึ้นในหมู่ชาวเปอร์เซีย พวกเขามีความเชื่อว่าแผ่นดินนั้นบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ยอมให้ร่างกายของผู้ทำผิดหรือร่างกายที่ชั่วร้ายนั้นมาเกลือกกลั้ว เมื่อจะประหารก็จัดการตรึงไว้ด้วยตะปูนแขวนห้อยเหนือพื้นดิน เมื่อตายแล้วก็ให้แร้งหรือสุนัขป่ามาฉีกกินจนสิ้นซาก วิธีการเช่นนี้พวกคาเธจซึ่งอยู่ใกล้อิตาลีหรือโรมจดจำมาใช้และทางโรมันก็นำมาใช้อีกต่อหนึ่ง
แต่การนำกางเขนมาใช้นี้มิได้ใช้กับชาวโรมัน แต่จะใช้กับพวกทาสหรือพวกกบฏที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะเขาถือว่าชาวโรมันเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ จะถูกทำทารุณกรรมอย่างนั้นไม่ได้
ซิเซโร นักปรัชญาเป็นเอกที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อนคริสต์ศตวรรษแสดงความเห็นไว้ว่า สำหรับประชาชนชาวโรมันแล้ว "การถูกจับมัดก็เป็นอาชญากรรม ถ้าถูกเฆี่ยนตีก็ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นอีก คือถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่สุด แต่ถ้าถูกตรึงบนกางเขนละก็ไม่ทราบว่าจะเปรียบกับอะไรอีกได้"
ด้วยเหตุนี้การประหารด้วยการตรึงบนกางเขนจึงไม่มีในหมู่ชาวโรมัน พระเยซูคริสต์ของเราถูกประหารอย่างทารุณที่สุด ต่ำต้อยที่สุดและน่าอับอายที่สุดที่มนุษย์จะคิดขึ้นได้ในสมัยนั้น
อ้างอิงhttp://www.followhissteps.com/web_christianstories/easter08.html
กางเขนแบบต่างๆ
ชื่อกางเขน | คำบรรยาย | รูป |
---|---|---|
กางเขนละติน (Latin cross crux ordinaria) | เป็นทรงกางเขนที่นิยมมากที่สุดในคริสต์ศาสนา เป็นสัญลักษณ์ของการไถ่บาปให้มนุษย์ของพระเยซู เมื่อมีการตรึงพระเยซูที่กางเขนบนกางเขนแท้(True Cross) และการคืนชีพของพระองค์ ตามที่บรรยายในพันธสัญญาใหม่ | |
กางเขนอียิปต์ (Ankh Egyptian Cross Key of the Nile Looped Tau Cross Ansate Cross) | เป็นกางเขนของอียิปต์โบราณที่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและการเจริญพันธุ์ (fertility) บางครั้งก็จะได้ชื่อเป็นภาษาลาตินเมื่อปรากฏในบันทึกของคริสเตียนเช่น crux ansata ("กางเขนมือถือ") | |
คอปติกแองค์ (Coptic ankh) | คอปติกแองค์เป็นกางเขนอียิปต์ที่มีมาก่อนกางเขนคอปติกของผู้นับถือคริสต์ศาสนาในอียิปต์ | |
กางเขนคอปติกดั้งเดิม (Original Coptic Cross) | กางเขนคอปติกดั้งเดิมเป็นกางเขนคอปติกที่ใช้โดยคริสต์ศาสนิกชนในอียิปต์ | |
กางเขนคอปติก (Coptic Cross) | เป็นกางเขนที่มีวงแหวนตั้งอยู่ตรงกลางโดยมีรัศมีสี่แฉกเป็นรูปตัว “T” ทแยงออกไปสี่ทิศโดยมีหัวตัวทีอยู่ด้านนอก ที่เป็นสัญลักษณ์ของตาปูที่ใช้ในการตรึงกางเขนพระเยซู กางเขนชนิดได้รับชื่อจากคอปติกออร์ทอดอกซ์ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่อะเล็กซานเดรียในอียิปต์ | |
กางเขนคอปติกใหม่ (New Coptic Cross) | กางเขนคอปติกใหม่เป็นกางเขนที่ใช้โดยชาวอียิปต์ผู้นับถือคริสต์ศาสนานิกายคอปติกออร์ทอดอกซ์แห่งอะเล็กซานเดรียที่วิวัฒนาการมาจากกางเขนคอปติกดั้งเดิม A gallery of Coptic Crosses can be found here. | |
กางเขนสุริยะ (Sun cross Sunwheel solar cross Odin's cross) | หรือที่เรียกว่า “กางเขนโอดิน” เพราะสัญลักษณ์ของโอดินในตำนานเทพนอร์สเป็นกางเขนในวงกลม เป็นกางเขนที่ใช้กันโดยทั่วไปในวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาที่เป็นสัญลักษณ์ของวงล้อแห่งการเยียวยา (Medicine Wheel) ของชีวิต และเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการไญยนิยม | |
กางเขนเคลติก (High cross Celtic cross) | กางเขนเคลติกที่ยืนเด่นมักจะพบโดยทั่วไปในไอร์แลนด์และบางแห่งในบริเตนใหญ่ และจะพบบ่อยในสุสาน | |
กางเขนแคนเทอร์เบอรี (Canterbury cross) | ใช้โดยแองกลิคันเป็นกางเขนสี่แฉกที่มีความยาวเท่ากัน ปลายของแต่ละแฉกจะบานออกไปจากศูนย์กลางคล้ายใบขวานจนด้านนอกเกือบจะจรดกันเป็นวงกลม กลางแฉกแต่ละแฉกจะมีเครื่องหมายเป็นรูปสามเหลี่ยมวงซ้อนสามเหลี่ยม (triquetra) ที่เป็นสัญลักษณ์ของตรีเอกภาพ ใจกลางของกางเขนเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก สัญลักษณ์เดิมของแองโกล-แซกซันที่เป็นเข็มกลัดมีอายุมาตั้งแต่ราว ค.ศ. 850 ที่มาขุดพบในปี ค.ศ. 1867 ที่แคนเทอร์เบอรีในอังกฤษ | |
มหากางเขน (Crucifix) | เป็นกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของการตรึงพระเยซูที่กางเขน เป็นกางเขนที่ใช้ในนิกายโรมันคาทอลิก แองกลิคัน และอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ที่เน้นการเสียสละของพระองค์โดยการพลีชีพบนกางเขน | |
กางเขนกรีก Greek cross crux immissa quadrata | เป็นกางเขนที่ใช้โดยเฉพาะในอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์และศาสนาคริสต์ยุคแรก ที่แขนแต่ละข้างของกางเขนมีความยาวเท่ากัน | |
กางเขนกรีกฟลอเรียน Florian cross | กางเขนนี้ตั้งชื่อตามนักบุญฟลอเรียนผู้เป็นักบุญองค์อุปถัมภ์ของนักดับเพลิงในโปแลนด์ ออสเตรีย และ เยอรมนี มีลักษณะไกล้เคียงกับกางเขนมอลตาและกางเขนปลายบาน แต่แตกต่างตรงที่ปลายกางเขนจะมีลักษณะโค้งเป็นคลื่น ที่มีด้วยกันสองลักษณะ ๆ แรกมักจะพบในตราสัญลักษณ์(badge) ของผู้บริการดับเพลิง ตราล่างมักจะใช้ในเหรียญที่สร้างฉลองนักบุญฟลอเรียน | |
กางเขนตะวันออก (Eastern cross) | เป็นกางเขนที่ใช้โดยอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์และอีสเทิร์นคาทอลิกแห่งไบแซนไทน์ เส้นบนกล่าวว่าเป็นสัญลักษณ์ของหัวเตียง และเส้นล่างเป็นสัญลักษณ์ของที่พักเท้า เส้นทแยงเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูที่ทรงบิดพระวรกายด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนที่พักพระบาทหลุดเลื่อนจากที่ ที่พักพระบาททแยงขึ้นไปทางซ้าย ที่เป็นทิศทางของโจรผู้กล่าวกับพระองค์ว่า “จำข้าด้วยเมื่อท่านเข้าสู่อาณาจักรของท่าน” ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรมที่ชนะอธรรม ตัวอักษร “IC XC” ตอนปลายของกางเขนขวางสองข้างเป็นอักษรย่อของพระเยซู (Christogram) ที่อักษรย่อจากภาษากรีก “ΙΗΣΟΥΣ ΧΡΙΣΤΟΣ” หรือ “IHCOYC XPICTOC” ซึ่งเป็นพระนามของพระองค์ | |
กางเขนนักบุญบริจิด (St. Brigid's Cross) | เป็นกางเขนที่พบทั่วไปในไอร์แลนด์ ที่กล่าวกันว่าเป็นกางเขนที่สร้างโดยบริจิดลูกสาวของกษัตริย์นอกคริสต์ศาสนาจากใบหญ้าเพื่อจะใช้ในการทำพิธีเปลี่ยนศาสนา แต่ชื่อ “Brigid” มาจาก “Brigit” (สะกดอื่นก็ได้แก่ Brìghde, Brìde และ Bríde) เป็นเทพีแห่งไฟ กวีนิพนธ์ และช่างเหล็ก ของเคลติค ในปัจจุบันเป็นกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ในการป้องกันอัคคีภัย กางเขนนี้เป็นตัวอย่างของการผสานระหว่างคริสต์ศาสนากับวัฒนธรรมพื้นบ้าน | |
กางเขนคอนสแตนติน (Chi-Rho labarum) | เป็นกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 ที่มาจากอักษรย่อของพระเยซูในภาษากรีก “Χριστός” (chi = ch และ rho = r) กางเขนที่ใช้อักษรย่อนี้มีด้วยกันหลายแบบ | |
กางเขนลอแรน (Cross of Lorraine) | เป็นกางเขนที่ใช้ในมุทราศาสตร์ที่มีลักษณะเกือบเหมือนกางเขนอัครบิดร แต่แขนกางเขนหนึ่งตั้งอยู่เกือบกลางจุดตัดของกางเขน และอีกแขนหนึ่งอยู่ตอนบน แทนที่ทั้งสองแขนจะตั้งอยู่ด้วยกันตอนบน กางเขนลอร์แรนเป็นเครื่องหมายที่ใช้ในตราอาร์มของแคว้นลอแรนทางตะวันออกของฝรั่งเศส เดิมเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของโยนออฟอาร์คผู้ต่อต้านการครอบครองของอังกฤษในฝรั่งเศสระหว่างสงครามร้อยปี | |
กางเขนพระแม่มารีย์ (Marian Cross) | เป็นกางเขนที่ใช้ในตราอาร์มของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ที่ประยุกต์มาจากกางเขนคริสเตียนที่เน้นความศรัทธาในองค์พระนางมารีย์พรหมจารี | |
กางเขนนอร์ดิก (Nordic Cross) | ใช้ในธงที่มาจากธงแดนเนอบรอก | |
กางเขนอ็อกซิทาเนีย (Occitan cross) | เป็นกางเขนที่มาจากตราอาร์มของเคานต์แห่งตูลูซที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอ็อคซิทาเนีย (Occitania) ทั้งหมด | |
กางเขนพระสันตะปาปา (Papal Cross) | เป็นกางเขนที่มีแขนกางเขนสามแขนขวางแกนกลางที่เป็นสัญลักษณ์ของไตรอำนาจของพระสันตะปาปาในฐานะบิชอปแห่งโรม ประมุขของคริสตจักรตะวันตก และ ผู้สืบการเป็นประมุขของคริสเตียนต่อมาจากนักบุญเปโตร | |
กางเขนอัครบิดร (Patriarchal cross) | มีลักษณะคล้ายกางเขนคริสเตียนแต่มีแขนกางเขนสั้นเพิ่มอีกหนึ่งแขนเหนือแขนหลักที่เป็นสัญลักษณ์ของอาร์ชบิชอปและอัครบิดรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ บางครั้งก็จะมีแขนกางเขนทแยงบนตอนล่างของแกนตั้ง และมีลักษณะคล้าย กางเขนลอแรน และ กางเขนซาเล็ม | |
กางเขนเพรสไบทีเรียน (Presbyterian Cross) | ใช้โดยนิกายเพรสไบทีเรียน | |
กางเขนกาชาด (Red Cross) | สภากาชาดใช้กางเขนกาชาดเป็นสัญลักษณ์ของการรักษาพยาบาลเกือบทั่วโลก ยกเว้นประเทศในกลุ่มอิสลามที่ใช้ตรางซึกวงเดือนแดง (Red Crescent) และ ดาราแห่งเดวิด (Star of David) สีแดงในอิสราเอล | |
กางเขนแห่งความเสียสละ (Cross of Sacrifice) | เป็นกางเขนลาตินประดับดาบที่ปลายดาบห้อยลงข้างล่างที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมาธิการอนุสรณ์ทหารผ่านศึกแห่งเครือจักรภพ(Commonwealth War Graves Commission) ที่จะพบในสุสานทหารหลายแห่ง | |
กางเขนซาเล็ม (Cross of Salem) | หรือบางครั้งก็เรียกว่า “กางเขนพระสันตะปาปา” เพราะเป็นกางเขนที่ใช้นำหน้าพระสันตะปาปาที่มีลักษณะคล้ายกางเขนอัครบิดร แต่มีแขนกางเขนเพิ่มอีกหนึ่งแขนใต้แขนหลักที่มีความยาวเท่ากับแขนบนสุด และมีลักษณะคล้ายกางเขนตะวันออก | |
กางเขนจอร์เจีย (Royal Flag of Georgia) |
ใช้ในจอร์เจียเป็นธงประจำชาติ ใช้เป็นครั้งแรกโดยพระมหากษัตริย์จอร์เจีย Vakhtang Gorgasali ในคริสต์ศตวรรษที่ 5 และต่อมานำมาใช้โดยพระราชินีทามาร์แห่งจอร์เจียในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เป็นธงที่มีกางเขนเยรูซาเลมที่เริ่มใช้ในรัชสมัยของจอร์จที่ 5 แห่งจอร์เจียผู้ทรงขับชาวมองโกลออกจากจอร์เจียในปี ค.ศ. 1334
| |
กางเขนเถาองุ่น (Grapevine cross St. Nino's Cross) | กางเขนเถาองุ่นตามธรรมเนียมแล้วเป็นกางเขนของนักบุญนิโนผู้เป็นผู้ทำพิธีรับศีลจุ่มให้แก่ชาวจอร์เจีย และใช้เป็นสัญลักษณ์ของนิกายจอร์เจียออร์โธด็อกซ์ | |
กางเขนนักบุญทอมัส (Nasrani Menorah St. Thomas Cross Mar Thoma Cross) | เป็นกางเขนของนักบุญทอมัสอัครสาวกแห่งอินเดีย ใช้เป็นสัญลักษณ์ของนิกายซีเรียมาลาบาร์คาทอลิก (Syro-Malabar Catholic Church) หรือใช้โดย “ชาวซีเรียมาลาบาร์นาสรานี” (Syrian Malabar Nasrani) [1] | |
กางเขนไขว้ (Saint Andrew's Cross Saltire Boundary Cross crux decussata) | ใช้เป็นธงชาติสกอตแลนด์, ตรากองทัพเรือรัสเซีย และอดีตสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate States of America) บางครั้งก็เรียกว่า “กางเขนเขตแดน” เพราะใช้โดยโรมันสำหรับเป็นเครื่องหมายขอบเขต และ “กางเขนพระสันตะปาปา” เชื่อกันว่านักบุญอันดรูว์ถูกตรึงกางเขนบนกางเขนทรงนี้ซึ่งทำให้ได้รับชื่อดังว่า | |
กางเขนนักบุญจอร์จ (St George's Cross) | ใช้ในธงชาติอังกฤษ | |
กางเขนนักบุญเปโตร (Cross of St. Peter Inverted Cross | เป็นกางเขนลาตินกลับหัวกลับหางที่เชื่อกันว่าเป็นลักษณะของกางเขนที่นักบุญซีโมนเปโตรถูกตรึงห้อยหัว ในปัจจุบันกางเขนนี้มักจะเกี่ยวข้องกับผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนา หรือกลุ่มลัทธิซาตาน | |
หัวกะโหลกและกระดูกไขว้ (Skull and crossbones) | ไม่เชิงเป็นกางเขน แต่เป็นกระดูกที่จัดในรูปกางเขนไขว้ และตอนบนประดับด้วยหัวกะโหลก | |
กางเขนนักบุญแอนโทนี (Cross of Tau Saint Anthony's Cross Egyptian Cross crux commissa) | เป็นกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของนักบุญแอนโทนีอธิการ มีลักษณะคล้ายอักษร “T” นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีใช้กางเขนนี้เป็นเป็นสัญลักษณ์ | |
กางเขนโจร Thieves' Cross Furka Cross | มีลักษณะคล้ายอักษร “Y” [1] | |
กางเขนสมอ กางเขนนักบุญเคลเมนต์ Mariner's Cross St. Clement's Cross | เป็นกางเขนแปลงที่มีลักษณะเหมือนสมอเรือ หรือบางครั้งก็ถือว่าเป็นกางเขนของนักบุญเคลเมนต์ ที่ตามตำนานกล่าวว่าถูกมัดกับสมอเรือและจับถ่วงน้ำในทะเลดำ | |
คณะกางเขนพระคริสต์ Order of Christ Cross | เพิมเป็นกางเขนที่ใช้โดยคณะกางเขนพระคริสต์ของโปรตุเกส แต่ต่อมากลายมาเป็นสัญลักษณ์ของโปรตุเกสที่ใช้บนเรือ carracks ระหว่างยุคแห่งการสำรวจ และในปัจจุบันในเขตปกครองตนเองมาเดราของโปรตุเกส และ กองทัพอากาศโปรตุเกส | |
กางเขนเคลติก ประยุกต์ | กลุ่มขบวนการชาตินิยมชนผิวขาว (white nationalist) และ ฟาสซิสต์ใหม่บางกลุ่มใช้กางเขนเคลติกประยุกต์เป็นสัญลักษณ์ ที่เป็นเส้นสายง่ายๆ โดยไม่มีสิ่งตกแต่งอันซับซ้อนเช่นกางเขนเคลติกตามปกติ | |
กางเขนเซอร์เบีย (Serbian cross Tetragrammatic cross) | เป็นกางเขนที่ประยุกต์มาจากกางเขนคอนสแตนตินและใช้บนเหรียญไบแซนไทน์ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 เครื่องหมายสี่เชื่อกันว่าเป็นหินเหล็กไฟ หรือ หินตีไฟ หรือเป็นอักษร “ß” ของคำแรกของคำขวัญของราชวงศ์พาลาโอโลกอส: “ราชาแห่งราชาปกครองเหนือราชาทั้งปวง” (กรีก: ßασιλεύς ßασιλέων, ßασιλεύων ßασιλευόντων - Basileus Basileōn, Basileuōn Basileuontōn)
กางเขนนี้ใช้โดยรัฐในเซอร์เบียและนิกายเซอร์เบียนออร์ทอดอกซ์ตั้งแต่สมัยกลางตั้งแต่รัชสมัยของ Stefan Uroš IV Dušan of Serbia เมื่อทรงได้รับการสวมมงกุฎเป็นซาร์แห่งเซอร์เบียและกรีซในปี ค.ศ. 1345 ในปัจจุบันกางเขนเป็นสัญลักษณ์ของชาติพันธุ์ ชาติ และ ศาสนาของชาวเซิร์บ และเซอร์เบีย
| |
สวัสติกะ (Swastika) | สวัสติกะเป็นกางเขนที่เป็นเครื่องหมากากบาทที่ตอนปลายหักเป็นมุมฉากที่อาจจะหันไปทางซ้าย (卐) หรือ ทางขวา (卍) ก็ได้ การใช้สวัสติกะมีมาตั้งแต่ยุคหินใหม่ในบริเวณที่ในปัจจุบันคืออินเดีย บางครั้งก็ใช้เป็นลายตกแต่งเรขาคณิต หรือบางครั้งก็จะเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา สวัสติกะยังคงเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมใช้กันในศาสนาตะวันออก / ศาสนากลุ่มธรรมะ เช่น ศาสนาฮินดู, ศาสนาพุทธ และ ศาสนาเชน แม้ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปทั่วโลก แต่เมื่อมาได้รับการใช้โดยนาซีเยอรมนี สัญลักษณ์นี้ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ต้องห้ามในโลกตะวันตก |
ในมุทราศาสตร์
กางเขนที่ปรากฏข้างล่างใช้ในการสร้างตราอาร์ม และบางครั้งอาจจะไม่มีความหมายพิเศษแต่อย่างใด
ชื่อกางเขน | คำบรรยาย | รูป |
---|---|---|
กางเขนในกลุ่ม “เรขลักษณ์” | กางเขนแบบพื้นฐานที่สุดในมุทราศาสตร์ (จะไม่นิยามถ้าใช้ลักษณะมาตรฐาน) แขนกางเขนสี่แขนจะมีความยาวเท่าๆ กันและได้สัดส่วนกับแบบของโล่ที่ใช้ โดยแขนกางเขนทั้งสีจรดของโล่ เช่นในนิยาม “Azure, a cross Or” (พื้นตราสีน้ำเงิน กางเขนสีทอง)
กางเขนที่ปลายไม่ยืดไปจรดขอบเรียกว่า “humetty” หรือ “กางเขนลอย”
| |
กางเขนสมอ (Cross anchry) | เป็นกางเขนประยุกต์ที่มีลักษณะเหมือนสมอเรือ | |
กางเขนปลายศร (Cross barbée cross barby arrow cross) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายเป็นลูกศร การใช้ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือโดยฟาสซิสต์ของพรรคแอร์โรว์ครอส (Arrow Cross Party) ในคริสต์ทศวรรษ 1930 แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานก่อนหน้านั้น ที่ใช้โดยชนฮังการีในสมัยกลาง.[ต้องการอ้างอิง] ในการใช้ทางคริสต์ศาสนา ปลายกางเขนดูเหมือนขอตกปลา หรือหอกแทงปลา ซึ่งที่เป็นนัยยะถึงสัญลักษณ์ของพระเยซูผู้เป็น “fishers of men” ในพระคัมภีร์ | |
กางเขนปลายดอกจิก (Cross anchry) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายมีลักษณะเหมือนดอกจิกสามแฉก (trefoil) ที่ปรากฏในสถาปัตยกรรม ตัวอย่างของเครื่องหมายนี้เช่นบนธงรัฐแมริแลนด์ | |
กางเขนเขาแพะ (Cross cercelée) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายแตกเป็นสองแฉกบานออกไปทั้งสองข้างคล้ายเขาแพะ | |
กางเขนปลายกางเขน (Cross anchry) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายของแต่ละแฉกเป็นกางเขนเล็ก | |
กางเขนลิลลี (Cross fleury) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายของแต่ละแฉกมีลักษณะเหมือนสัญลักษณ์ดอกลิลลี | |
กางเขนปลายซ่อม (Cross anchry) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายของแต่ละแฉกแตกออกไปเป็นรูป “Y” (fourchée หรือ fourchy) | |
กางเขนปลายงอ (Cross fylfot) | กางเขนแนวตั้งที่มีปลายงอคล้ายสวัสติกะ | |
กางเขนเยรูซาเลม กางเขนครูเสด (Jerusalem cross Crusader's Cross) | เป็นกางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของราชอาณาจักรเยรูซาเลมของนักรบครูเสดที่รุ่งเรืองอยู่เกือบสองร้อยปีหลังจากสงครามครูเสดครั้งที่ 1 กางเขนเล็กสี่กางเขนกล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระวรสารสี่เล่ม (Gospel) หรือทิศทั้งสี่ของโลกที่ศาสนาคริสต์เผยแพร่ออกไปจากกรุงเยรูซาเลม หรือกางเขนทั้งห้าอาจจะถือว่าเป็นแผลทั้งห้าของพระเยซูที่ทรงได้รับเมื่อถูกตรึงกางเขน กางเขนเดียวกันนี้ใช้ใช้บนธงประจำชาติขเงจอร์เจีย และเป็นตราของลัทธิโฮลีเซพัลเครอ (Order of the Holy Sepulchre) และของนิกายผู้รักษาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (Custody of the Holy Land) ของลัทธิฟรานซิสกัน | |
กางเขนมอลตา (Maltese Cross) | เป็นกางเขนที่แต่แฉกเป็นสามเหลี่ยมปลายแหลมที่แต่ละยอดมาจรดตรงกลาง ปลายนอกบานออกไป โดยมีฐานที่หยักแหลม | |
กางเขนเขาแพะน้อย (Cross moline) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายแตกเป็นสองแฉกบานออกไปทั้งสองข้างคล้ายกางเขนเขาแพะและความบานตอนปลายน้อยกว่ามาก | |
กางเขนลิลลีหนา (Cross anchry cross patonce) | มีลักษณะคล้ายกางเขนลิลลีแต่หนากว่า | |
กางเขนปลายบาน (Cross pattée formée) | มีลักษณะคล้ายกางเขนมอลตาแต่ปลายที่จรดกันตรงศูนย์กลางกว้างกว่าและปลายฐานด้านนอกไม่หยักแหลม (ดูกางเขนเหล็ก) | |
กางเขนปลายปุ่ม (Cross anchry pommée pommy) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายแขนแต่ละแขนเป็นปุ่มกลม | |
กางเขนปลายที (Cross potent) | มีลักษณะเป็นกากบาทที่ตอนปลายแขนแต่ละแขนเป็นแกนขวางประกบเหมือนตัว “T” คำว่า “Potent” เป็นคำเก่าที่แปลว่าไม้ยัน และเป็นคำที่ใช้ในมุทราศาสตร์ที่หมายถึงทรง ตัว “T” | |
กางเขนจตุรัสทับกลาง (Quadrate) | เป็นกางเขนที่มีสี่เหลี่ยมจตุรัสทับกลางจุดตัดของแขนกางเขน | |
กางเขนสาน (Cross triple parted and fretted) | กางเขนนี้จะนิยามว่า “cross triple parted and fretted” หรือ “treble parted and fretted” (“กางเขนสามตั้งและนอน”) สานกัน | |
กางเขนกลวง (Cross anchry Gammadia) | กางเขนนี้จะนิยามว่า “cross voided throughout” มีลักษณะเป็นกางเขนกรีกที่ตอนกลางกลวงออก | |
?? (Cross fitchy) | ปลายด้านล่างแหลมเหมือนดาบ | |
กางเขนนักบุญเจมส์ (Cross of St James) | คล้ายกับ Cross fitchy แต่ปลายสองข้างเป็นดอกลิลลีและตอนล่างแหลมเป็นดาบ ซึ่งเป็นกางเขนสำหรับนักรบ และมักจะเป็นสีแดง |
อ้างอิง-กางเขน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น