วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข้อขัดแย้งคำสอนลัทธิอนุตรธรรม กับ คำสอนที่มาจากพระเจ้า



ข้อขัดแย้งคำสอนลัทธิอนุตรธรรม กับ คำสอนที่มาจากพระเจ้า 



เรื่องความรอด

คำสอนลัทธิอนุตรธรรม
          ลัทธิอนุตรธรรมสอนว่า จิตวิญญาณเท่านั้นที่มาจาก "พระองค์ธรรมมารดา" ร่างกายเป็นเพียงที่พำนักชั่วคราว การได้รับถ่ายทอด "วิถีอนุตตรธรรม"ทำให้เราได้รับสิ่งวิเศษ 3 อย่างคือ
1. มโนทวาร
2. สัจจคาถา
3. ลัญจกร
         การขอรับวิถีธรรม จะนำพาตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็นนิรันดร์ สรุปก็คือ มนุษย์ทุกคนเมื่อตายไปต้องเวียนวายตายเกิดไม่รู้จบ เมื่อใดที่มนุษย์ได้รับธรรมะ ก็จะได้หลุดพ้นจากการเวียนวายตายเกิดไปสู่นิพพาน (ซึ่งขัดกับคำสอนของพระพุทธองค์)

คำสอนที่มาจากพระเจ้า
"เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า" โรม 3:23

"เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาป ได้เข้ามาในโลก เพราะคนๆ เดียว และความตาย
ก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตาย ก็ได้แผ่ไปถึง มวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป" โรม 5:12

"เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย" โรม 6:23     
          พระเจ้าทรงจัดแผนการที่แน่นอน โดยเฉพาะสำหรับความรอดของคนบาป! พระเจ้าทรงรักเราแต่ละคน และมี พระประสงค์ ที่จะช่วยเราให้รอด เป็นพระประสงค์ ที่แท้จริงของพระเจ้า ที่จะให้เราเป็นบุตรของพระองค์ เพื่อให้กลับไปสู่ สภาพก่อนที่ มนุษย์ตกลงสู่บาป แต่ความยุติธรรม อันบริบูรณ์ ของพระเจ้านั้น กำหนดว่า คนบาปที่ล่วงละเมิด พระบัญญัติ ของพระเจ้า จะต้องตาย "เพราะว่าค่าจ้างของความบาป คือความตาย"

          พระเยซูทรงรักเรามาก จนพระองค์ ทรงรับที่จะสิ้นพระชนม์แทนเรา ไม่มีผู้ใด บังคับพระเยซู ให้สละชีวิตของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำการนี้ ด้วยพระองค์เอง ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ พระองค์ทรงรักเราแต่ละคน นี่คือข่าวดี ของพระกิตติคุณ พระเยซูคริสต์ ทรงประทานตนเอง เพื่อเป็นเครื่องถวายบูชา ให้แก่เราแต่ละคน เพื่อเรา จะรับชีวิตนิรันดร์ได้

          มีทางเดียว ที่จะได้รับการชำระ คือ การเป็นคนชอบธรรม เบื้องพระพักตรพระเจ้า และต่อหน้ามนุษย์ได้นั้น เราจะ ต้องรับพระเยซู เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราเอง พระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนกางเขน จะชำระเรา จากบาปของเรา และความชอบธรรมของพระคริสต์ จะเป็นของเรา

"ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ
แต่โดยศรัทธาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น" กาลาเทีย 2:16

          สาระสำคัญสุดท้ายที่จะต้องเข้าใจคือ เราซื้อหรือแลกเอาความรอดไม่ได้ ไม่มีงานใด ไม่ว่ายิ่งใหญ่สักเพียงใด จะมีส่วนในการช่วยเรา ให้หลุดจากบาปของเรา ความรอด เป็นของประทานของพระเจ้าที่ให้เปล่า และการกระทำเดียว ที่มีส่วน คือ การเสียสละของพระเยซูคริสต์บนกางเขน

"มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ ทรงพระกรุณา ชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่" ทิตัส 3:5

"ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้น ก็รอดโดยพระคุณ เพราะความเชื่อ
และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้" เอเฟซัส 2:8-9

          คริสเตียนได้รับหน้าที่ให้ทำการดี ไม่ใช่เพื่อจะได้รับความรอดแต่เพราะเขารอดแล้ว โปรดอ่านประโยคข้างต้นนี้ อีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เราจะต้องจำไว้ว่า เราซื้อ หรือแลกความรอดด้วย การกระทำดีไม่ได้ การกระทำดีของเรา ทำให้เรา เป็นคนชอบธรรม ในสายพระเนตรพระเจ้า ไม่ได้ ทางเดียว ที่จะนำเรา ไปสู่ความรอด คือ ยอมรับว่า เราช่วยจิตวิญญาณของเราเอง ให้รอดไม่ได้ และยอมรับพระเยซู ให้เป็นพระผู้ช่วย ให้รอด ส่วนตัวของเรา และพระองค์ จะทรงประทานความชอบธรรม ที่บริบูรณ์ ของ พระองค์ให้แก่เรา เพราะพระคัมภีร์ กล่าวไว้ว่า "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย" โรม 3:10

แผนการที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ เพื่อช่วยเราทุกคนให้รอด คือ

1. ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาป และทูลขอพระเจ้าให้อภัยบาป
2. สารภาพบาปของตัวเองกับพระเจ้า และพยายามแก้ไขการกระทำผิดให้ถูก เท่าที่จะทำได้
3. ยอมรับด้วยความเชื่อ การให้อภัยของพระเจ้า และทูลเชิญพระเยซู ให้มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ส่วนตัว

"เพราะว่าพระเจ้า ทรงรักโลก จนได้ทรงประทาน พระบุตรองค์เดียว ของพระองค์ เพื่อทุกคน ที่วางใจ ในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ยอห์น 3:16

มีทางเดียว ที่จะได้รับมนุษย์เราจะรอดพ้นจากการพิพากษาและได้รับชีวิตนิรันดร์ เราจะต้องรับพระเยซู เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราเอง พระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนกางเขน จะชำระเรา จากบาปของเราและเราจะมีสิทธิ์ในสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเยโฮวาห์   



เรื่อง ที่มาของคำสอน

 คำสอนลัทธิอนุตรธรรม
คำสอนในลัทธิอนุตรธรรมส่วนมากจะได้มาจาก โอวาทของพระแม่องค์ธรรม เทพ โพธิสัตว์ พระอรหันต์ โดยการประทับทรงของร่างทรงหญิงพรหมจรรย์ และร่างทรงไม่เพียงแต่ลงทรงเทพเท่านั้น ยังมีการเชิญวิญญาณ ผี มาร มาเข้าทรงด้วย

คำสอนที่มาจากพระเจ้า
"เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุ กระทั่ง จิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูก และไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัย ความคิด และความมุ่งหมายในใจด้วย" ฮีบรู 4:12

"พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม" 2 ทิโมธี 3:16

"เพราะว่าคำของผู้เผยพระวจนะนั้น ไม่ได้มาจากความคิดในจิตใจของมนุษย์ แต่มนุษย์ได้กล่าวคำซึ่งมาจากพระเจ้า ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจเขา" 2 เปโตร 1:21

ในเหตุการณ์ ที่ภูเขาซีนาย ขณะนั้น พระเจ้าทรงใช้เมฆ หนาทึบ ในการปิดบังพระองค์เอง และใช้เสียงฟ้าร้อง ฟ้าแลบ แผ่นดินไหว สะเทือนในการเตือน ชาวอิสราเอล ว่าอย่าบุกรุกขึ้นมาบนภูเขา เพื่อจะไม่ตาย ต่อมา พระเจ้าก็ตรัสมาจาก ยอดเขา ด้วยคำพูดที่น่ากลัว และน่าเกรงขาม เมื่อประชาชนได้ยิน พระสุรเสียงของพระเจ้า ต่างก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น และวิงวอนให้โมเสส เป็นตัวแทนพวกเขา ในการขึ้นไปบนภูเขา ฟังพระคำของพระเจ้า แทนพวกเขา แล้วค่อยมาบอก เพราะพวกเขา จะได้ไม่พบกับความตาย เพราะว่า พระคำของพระเจ้านั้น น่ากลัวจริงๆ แต่ต่อมา เมื่อโมเสสขึ้นไปบนภูเขา พระเจ้าก็ประทานพระคำให้แก่เขา และโมเสสก็เขียน 5 เล่ม (เบญบรรณ) ออกมา

พระคัมภีร์เป็นพระวาทะที่มีการแสดงถึงพระสติปัญญาของพระเจ้า พระคำของพระเจ้า ไม่ใช่เพียงแต่เสียง ที่ไม่มี ความหมาย ชนิดหนึ่ง พระคำของพระเจ้า เป็นสติปัญญาของพระเจ้า ที่เผยให้มนุษย์ ในส่วนที่มนุษย์ สามารถเข้าใจได้ พวกเรารู้ดีว่า พระเจ้านั้น ทรงรู้ทุกสิ่ง และไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่พระเจ้าจะไม่ทราบ เพราะฉะนั้น ข้อความที่บันทึกอยู่ ในพระคัมภีร์นั้น เป็นอำนาจที่สูงที่สุด มีผลต่อชีวิต ความเชื่อ



เรื่อง การกราบไหว้รูปเคารพ


คำสอนลัทธิอนุตตรธรรม
       ในพิธีกรรมของลัทธิอนุตรธรรมจะมีการกราบไหว้รูปเคารพ การถวายอาหารบูชาแก่รูปปั้น ไม่ใช่แค่ในพิธีเท่านั้น สมาชิกของลัทธิอนุตรธรรมทุกคนก็กราบไหว้รูปเคารพต่างๆด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับคำสอนที่มาจากพระเจ้าที่เที่ยงแท้


คำสอนที่มาจากพระเจ้า
         เจ้าอย่าทำรูปเคารพด้วยเงินไว้สำหรับบูชาเทียมเท่ากับเราหรือทำรูปพระด้วยทองคำสำหรับตัว.. อพยพ 20:23

อย่ากราบไหว้พระของเขาหรือปรนนิบัติหรือทำตามแบบอย่างที่พวกเขากระทำแต่จงทำลายรูปเคารพของเขาและทุบเสาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียให้แหลกละเอียด.. อพยพ 23:24

อย่าให้ผู้ใดกลับนับถือรูปเคารพหรือหล่อพระไว้เป็นรูปเคารพสำหรับตนเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า.. เลวีนิติ 19:4

เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพสำหรับตัวหรือตั้งรูปแกะสลักหรือเสาศักดิ์สิทธิ์และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งรูปศิลาแกะสลักไว้ในแผ่นดินของเจ้าเพื่อแก่การกราบไหว้เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า.. เลวีนิติ 26:1

จงระวังตัวให้ดีเกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้แก่ท่านและสร้างรูปเคารพเป็นสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายทรงห้ามไว้นั้น.. เฉลยธรรมบัญญัติ 4:23

อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนเป็นรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบนหรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่างหรือซึ่งมีอยู่ในน้ำใต้แผ่นดิน.. เฉลยธรรมบัญญัติ 5:8

และเขาทั้งหลายปรนนิบัติรูปเคารพซึ่งพระเจ้าได้ตรัสแก่เขาแล้วว่า"เจ้าอย่ากระทำอย่างนี้".. 2 พงศ์กษัตริย์ 17:12

เพราะพระทั้งปวงของชนชาติทั้งหลายเป็นรูปเคารพแต่พระเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์.. เพลงสดุดี 96:5

ท่านทั้งหลายอย่านับถือรูปเคารพเหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้กระทำตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าประชาชนก็นั่งลงกินและดื่มแล้วก็ลุกขึ้นเล่นสนุกสนาน.. 1 โครินธ์ 10:7

ดูก่อนท่านที่รักเหตุฉะนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงเสียจากการนับถือรูปเคารพ.. 1 โครินธ์ 10:14

ลูกทั้งหลายเอ๋ยจงระวังรักษาตัวอย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ.. 1 ยอห์น 5:21


พระคัมภีร์ทั้งพันธสัญญาเดิมและใหม่บอกว่า การกราบไหว้รูป เคารพเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชังมากที่สุด สาเหตุที่คนอิสราเอล ซึ่งได้ออก มาจากประเทศอียิปต์ได้ถูกลงโทษถึงตาย 3พันคนในวันเดียว เพราะกราบไหว้ รูปเคารพ สาเหตุที่กษัตริย์ซาโลมอนล้มเหลวและประเทศได้แยกเปนสอง ประเทศ หรือคนอิสราเอลได้ถูกกวาดไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ก็เพราะพวกเขา ได้กราบไหว้รูปเคารพ

อย่านมัสการพระเจ้าด้วยวิธีที่กราบไหว้รูปเคารพ เราพบ คำกิริยา 3 คำในข้อ 4-5 คือ อย่าทำ อย่ากราบไหว และอย่าปรนนิบัติ เลวีนิติ 26.1 ก็กล่าวว่า “เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพสำหรับตัว หรือตั้งรูปแกะ สลัก หรือเสาศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งรูปศิลาแกะสลักไว้ ในแผ่นดิน ของเจ้าเพื่อแก่การกราบไหว้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของเจ้า” รูป เหล่านี้ทำอะไรไม่ได้ฉันใด คนที่ทำรูปเหล่านั้นก็เหมือนรูปเหล่านั้น และคนที่ วางใจในรูปเหล่านั้น ก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าได้ทรงห้ามเช่นนี้แล้ว แต่คน อิสราเอลได้ทำและปรนนิบัติรูปเคารพมาเรื่อยๆ ในขณะที่โมเสสได้รับบัญญัติ เหล่านี้บนภูเขาซีนายหลายวัน คนอิสราเอลได้ทำรูปโคหนุ่มด้วยทองคำและ กราบไหว้ด้วยการประกาศว่า “โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์” (อพยพ 32.4) พวกเขาได้เอารูปโคนั้นมา ปรนนิบัติเป็นพระของเขาแทนพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงลงโทษให้คน 3 พันคน ตายในวันนั้น

สาเหตุที่พระเจ้าทรงห้ามไม่ให้ทำ กราบไหว้ และปรนนิบัติรูปเคารพนั้น ก็ เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่หวงแหน ความหึงหวงเกิดขึ้นระหว่างคน รักกัน ถ้าไม่รักเขา เขาทำอย่างไร ก็ไม่สนใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย การที่พระเจ้า หวงแหน หมายถึงความรักของพระเจ้า ความสัมพันธ์พิเศษของพระเจ้าต่อเรา คือเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พระเจ้าของเราไม่ใช่เป็นพระเจ้าที่เรารักพระเจ้าก็ดี ไม่ รักพระเจ้าแต่รักพระอื่นก็ดี พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรารักแต่พระเจ้าองค์ เดียวเท่านั้น พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา พระสิริ ของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก”(อสย.42.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น