วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หัวใจลัทธิอนุตตรธรรมกับไตรรัตน์3ข้อ


หัวใจของลัทธิอนุตตรธรรม


ไตรรัตน์ 3 อย่างอันบิดเบือนแต่ละศาสนา

ลัทธิอนุตตรธรรมเป็นลัทธิที่มีแนวคิดในการรวมศาสนาซึ่งเข้าในเมืองไทยนานแล้ว แรกเริ่มกำเนิดที่ประเทศจีนแต่โดนสั่งประหารและกวาดล้างและรัฐบาลจีนได้ประกาศให้เป็นลัทธิผิดกฏหมายทำให้ลัทธินี้ต้องย้ายไปเผยแพร่ที่ใต้หวันจากนั้นก็แพร่ระบาดเข้ามาสู่เมืองไทยโดยชาวใต้หวันนำเข้ามาครับ..ลัทธินี้ได้ยกเอาเรื่องภัยพิบัติโลกแตกมากล่าวอ้างโดยลัทธิให้เหตุผลว่าโลกปัจจุบันนี้ไกล้ถึงเวลาแห่งภัยพิบัติล้างโลกลัทธินี้จึงต้องรับโองการสวรรค์จากพระเจ้าเพื่อมาฉุดช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติโลกแตกนี้ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความวิตกกังวลในหมู่ประชาชนมีหลายคนที่หลงคำชวนเชื่อนี้ ลัทธินี้ได้นำเอาพระพุทธเจ้า โพธิสัตว์ และศาสดาต่าง ๆ และพระธรรมคำสอนแต่ละศาสนาไปแอบอ้างเป็นของตนจากนั้นได้แก้ใขคำสอนใหม่ให้บิดเบือนศาสนาไปจากเดิมหลายประการ   

ลัทธินี้กล่าวอ้างว่าพระเจ้าของทุกศาสนาก็คือองค์เดียวกันกับพระแม่ที่ลัทธิตั้งขึ้นมาเรียกว่า อนุตตรธรรมมารดา และลัทธิยังกล่าวว่าศาสดาของแต่ละศาสนาเช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู  นบีโมฮัมหมัด ขงจื่อ  เหล่าจื่อ  ก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่พระแม่ของลัทธิส่งมาทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็นับว่าขัดกับหลักของทุกศาสนา (โดยเฉพาะศาสนาพุทธเพราะเป็นอเทวนิยมไม่เคยสอนเรื่องเพระเจ้า)


หัวใจลัทธินี้คือรหัสลับ 3 ประการหรือในลัทธินี้เรียกว่าไตรรัตน์ ๓ ประการซึ่งเป็นการนำคำว่า รัตนตรัย ในพุทธศาสนามาเปลี่ยนเป็น ไตรรัตน์ และยกขึ้นมาแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จากนั้นใส่ความหมายใหม่เข้าไปทำให้เนื้อหากลับบิดเบือนพระธรรมคำสอนจากเดิม  โดยเมื่อลัทธินี้ต้องการชวนผู้คนไปเป็นสาวกจะใช้คำว่า "ไปรับธรรมมะ" จากนั้นผู้ที่ถูกชักชวนไปสถานธรรมของลัทธิจะได้เข้าร่วมในพิธีรับธรรมมะ และจากนั้นจะได้สอนหัวใจของลัทธิทั้ง 3 ข้อดังนี้




๑-จุดญานทวาร แทน พระพุทธ

คือจุดตรงกลางระหว่างคิ้วตรงดั้งจมูกหักโดยลัทธิจะชวนคนไปเข้าลัทธิโดยใช้คำว่า "รับธรรมมะ" ซึ่งลัทธิจะทำพิธีเจิมจุดกลางคิ้วโดยอาจารย์ในลัทธิเรียกว่า "เตี่ยนฉวนซือ" ซึ่งมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นเป็นผู้อุปโลกน์ตนว่าได้รับโองการสวรรค์จากพระแม่องค์ธรรมหรืออนุตตรธรรมมารดาหรือเหล่าหมู่ให้มากระทำการนี้ส่วนคนอื่นนอกนั้นทั้งหมดทำไม่ได้เพราะไม่มีโองการสวรรค์ และจะสอนต่อไปว่าจิตของเราตั้งอยู่ที่ตรงนี้ จุดนี้เป็นที่ตั้งแห่งวิญญาน จุดนี้เป็นจุดนิพพาน ธรรมแท้อยู่ที่รากต้นแห่งจิตก็คือจุดตรงนี้  ซึ่งคนที่ได้ยินก็หลงเชื่อว่าพบพระนิพพานแล้วเพียงแค่ได้ยินเท่านั้น ซึ่งจะสอนต่อดังนี้ว่าเมื่อคนเสียชีวิตจิตจะมีทางออกได้ ๖ ช่องทางคือ หู ตา จมูก ปาก สะดือ กระหม่อม (เขาเรียกว่า ชีววิถี ๖) แต่เมื่อรับธรรมมะจากลัทธิแล้วจิตจะออกทางประตูนิพพานพิเศษเป็นช่องที่ 7คือ จุดที่เขาเปิดให้ตรงดั้งจมูกระหว่างคิ้วนั้นและจะถึงนิพพาน  ซึ่งข้อนี้ขัดแย้งกับพุทธศาสนาอย่างมากเพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนว่านิพพานมีประตูและไมเคยสอนว่าจุดนิพพานตั้งอยู่บนจุดใหนของร่างกายหรือนามรูปใด ๆ ทั้งสิ้น  ส่วนจิตวิญญานเองก็ไม่ได้ต้องการประตูเข้าออก  ลัทธินี้ยังอ้างว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ต้องเปิดจุดนี้กับพระแม่ของเขาจึงจะบรรลุธรรม (ซึ่งเป็นการกล่าวตู่พระพุทธเจ้าอย่างร้ายแรง)

และที่มั่วมาก ๆ คือการพยายามโยงทุกศาสนามายำไส่กันเพื่อให้ตรงกับจุดดั้งหัก ๆ ข้อนี้ของลัทธิ คือโกหกว่าศาสดาทุกพระองค์ทราบถึงจุดนี้แต่ปิดเป็นความลับจึงได้ทำปริศนาธรรมถึงจุดนี้ตามสัญลักษณ์ต่าง ๆ แต่เราไม่ทราบเองมีแต่ลัทธิที่จะบอกความลับให้ดังนี้



๑ ธรรมจักรแห่งพุทธศาสนา เป็นรูปวงล้อมีแฉกด้านใน (ลองวาดดู) จากนั้นนั้นจะวาดตาไส่สองข้างตรงแกนกลางด้านในให้เป็นน้าคน ตรงกลางจะเป็นดั้งจมูกพอดี (เข้ากันได้เปะ) และยกอีกเรื่องว่าพระพุทธเจ้าได้กล่าวถึง เชิงเขาคิชกูฏ ซึ่งเป็นปริศนาว่าคือตรงดั้งจมูกนี่เอง 

๒ ไม้กางเขนแห่งคริสต์ศาสนา ให้วาดรูปไม้กางเขนและวาดวงกลมครอบลงไปจะได้วงกลมมีสี่แฉกด้านในพอไส่ตาตรงแกนสองข้างจะเป็นหน้าคน ตรงกลางก็คือดั้งจมูกเปะ

๓ สัญลักษณ์อิสลาม จะเป็นเป็นรุปพระจันทร์เสี้ยวมีดาวชี้ลงมาโดยกล่าวว่านั่นคือหน้าคนด้านข้างดวงดาวนั้นชี้ลงมาที่ดั้งจมูก

๔ แจกันและกิ่งหลิวเจ้าแม่กวนอิม จะเป็นรูปกิ่งหลิวแยกเป็นสองแฉกออกไปสองข้าง หากวาดรูปตรงแจกกันจะเป็นจมูก กิ่งหลิวเป็นคิ้วจากนั้นวาดตาไส่ไต้กิ่งหลิว จะเป็นรูปหน้าคนพอดี โดยกล่าวว่าเจ้าแม่กวนอิมต้องบำเพ็ญจนน้ำเต็มแจกันจึงบรรลลุธรรม หากวาดรูปเสร็จปากแจกันที่น้ำเต็มจะตรงกับดั้งจมูกพอดี


เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เป็นความจริงโดยลัทธินี้อุปโลกเรื่องล้างสมองขึ้นมาทั้งนั้นขอให้กลับไปดูจากต้นฉบับแต่ละศาสนาจะทราบความจริงและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้หมายความเช่นนี้ 


(เรื่องสัญลักษณ์ของแต่ละศาสนาที่ถูกตีความให้ผิดเพี้ยนจะชี้แจงต่อในหัวข้อต่อไป...คลิกดูรายละเอียดได้ที่

ลัทธิอนุตตรธรรมกับการตีความเครื่องหมายแต่ละศาสนาแบบผิดเพี้ยน )





๒-รหัสคาถาพระแม่องค์ธรรม 5 คำ แทนพระธรรม 

อู๋ ไท่ ฝอ หมีเล่อ




นี่เป็นรหัสคาถาพระแม่องค์ธรรมเอาไว้เป็นรหัสลับติดต่อสิ่งศักสิทธิ์บนนิพพาน และสอนกันว่าหากใครทราบรหัสนี้จะใช้แสดงรหัสก่อนเข้านิพพานและจะผ่านเข้านิพพานได้ในที่สุด หากไม่ทราบก็เข้านิพพานไม่ได้ แต่หากแพร่งพรายความลับสวรรค์จะตกนรกห้ามออกเสียงให้ใครได้ยินนอกจากในพิธีเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ลัทธิอุปโลกว่าคือพระธรรม และบิดเบือนว่าพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสทั้งหมดมีเท่านี้และมีรหัสคาถาซ่อนไว้เช่นนี้ แต่ความจริงแล้วในทางพุทธศาสนาไม่เคยสอนคาถา 5 คำนี้เลยไม่มีในพระไตรปิฏกแม้แต่หน้าเดียว และไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ที่ใดทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นแนวคิดของลัทธินอกศาสนาที่นำพระธรรมคำสอนไปแก้ใขใหม่ให้บิดเบือนจากเดิมโดยแท้




๓-ลัญจกรณ์ แทนพระสงฆ์

ป็นสัญลักณ์อันจะผ่านไปสู่ยุคพระศรีอาริย์เมตไตรคล้ายตราประทับศักสิทธิและยังเป็นท่ามือกราบใหว้แบบใหม่เนื่องจากลัทธินี้อ้างว่าว่าขณะนี้ยุคพระโคดมพุทธเจ้าหมดแล้ว ตอนนี้เป็นยคพระศรีอารีย์เรียกว่ายุคขาว (ทั้งที่พระศรีอารีย์ยังไม่อุบัติ)และเมื่อจะเข้าสู่นิพพานก็จะต้องแสดงท่ามือเช่นนี้ก่อนจึงจะเข่าสู่นิพพานได้...โดยทำมือดังนี้ 

ยกมือขวาขึ้นมาเอาปลายนิ้วโป้งขวากดที่โคนนิ้วนางขวาค้างไว้ จากนั้นนำมือซ้ายมาเชื่อมต่อโดย นำปลายนิ้วโป้งซ้ายกดที่โคนนิ้วก้อยขวาจากนั้นโอบมือเข้าหากันโดยมือซ้ายทับขวา จะเหมือนกับที่คนจีนกำมือแสดงความยินดีกันแต่ด้านในจะแตะที่สองจุดนี้คือ
โคนนิ้วนางและนิ้วก้อยขวา(ดูภาพประกอบ)




โดยลัทธิกล่าวว่านี่คือลักษณะแห่งรากบัวเพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งรากบัวหรือยุคแห่งพระศรีอารีย์เมตไตรหรือที่เขาเรียกว่า ยุคขา ส่วนยุคแห่งพระโคดมพุทธเจ้าหมดไปแล้ว โดยลัทธิจะแบ่งธรรมกาลออกเป็น 3 ยุคดังนี้

๑ -ยุคแห่งใบบัว(ยุคเขียว) มีพระพุทธเจ้าทีปังกรปกครอง การกราบไหว้จะทำมือเหมือนใบบัวคือแบมือและยกขึ้นข้างเดียวแบบในหนังจีน


๒ -ยุคแห่งดอกบัว(ยุคแดง) มีพระโคดมที่เรารู้จักตอนนี้ปกครอง การกราบใหว้จะพนมมือเป็นดอกบัวตูม (ยุคนี้ลัทธิกล่าวว่าหมดแล้ว)



๓ -ยุคแห่งรากบัว(ยุคขาว หรือยุคปัจจุบัน) มีพระศรีอารีย์เมตไตรยปกครอง
การกราบใหว้จะทำมือเหมือนรากบัวตามภาพข้างบนซึ่งลัทธิเรียกว่า ลัญจกรณ์ 

ลัทธิยังกล่าวอ้างว่าไม่ว่ายุคใด พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องรับธรรมมะเจิมตรงดั้งจมูกอย่างนี้และได้รับโองการสวรรค์จากพระแม่องค์ธรรมเพื่อปกครองธรรมกาลและประกาศศาสนา

ลัทธินี้มีการตั้งพระแม่อนุตตรธรรมมารดาหรือเหลาหมู่ขึ้นมาสูงสุดเพื่อเป็นใหญ่เหนือศาสดาทั้งปวงรวมทั้งเหนือกว่าพระพุทธเจ้าและได้แต่งตำราใหม่ว่าพระพุทธเจ้าสรรเสริญและกราบใหว้พระแม่องค์นี้ และเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้บรรลุธรรมด้วยตนเองแต่บรรลุได้เพราะเพราะพระแม่องค์นี้มาโปรด โดยมีการนำพระพุทธเจ้ามาเข้าทรงบอกกว่าวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ


ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าขัดกับหลักพระพุทธศาสนาอย่างมากเพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองไม่มีใครเป็นครูอาจารย์ทั้งสิ้น พุทธศาสนาไม่เคยสอนเรื่องพระเจ้า และพระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ4 อันมีอาสวักขยญานที่ตัดกิดเลสได้จริงไม่เกี่ยวกับจุดกลางดั้งจมูกแต่อย่างใดและการเจิมจุดดั้งจมูกของลัทธินี้ก็ไม่ช่วยให้ตัดกิเลสได้แต่อย่างใด ที่สำคัญพระพุทธเจ้าออกโปรดเวไนยสัตว์ด้วยด้วยปณิธานแห่งโพธิญานอันสั่งสมมานาน 20อสงไขย , 40อสงไขย ,60อสงไขย.และได้พิจารณาด้วยกำลังแห่งโพธิญานอันสั่งสมมาแล้วเป็นอย่างดีไม่เกี่ยวกับคำสั่งใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเรื่องพระเจ้าและแนวคิดว่ามีคนออกคำสั่งพระพุทธเจ้านั้นล้วนแล้วแต่เป็นคำสอนนอกศาสนาพุทธทั้งสิ้น นอกจากนี้พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เข้าทรงแต่ทรงตรัสว่าเป็นเดรัจฉานวิชชา

นี่คือหัวใจแห่งลัทธิอนุตตรธรรม ที่เรียกว่าไตรรัตน์ ๓ ประการ 



นอกจากนี้ในพิธีรับธรรมมะของลัทธินี้จะมีการเขียนชื่อสมาชิก
ที่ขอเข้าร่วมพิธีทุกคนไว้ในกระดาษที่เรียกว่า ใบเทวนาคราช 
หรือ ใบเปี่ยวเหวิน จากนั้นจะทำการเผา โดยลัทธิอ้างว่ารายชื่อ
ทุกท่านที่เขียนลงไปลัทธิจะทำการเผาเพื่อลงบัญชีไว้ที่สวรรค์และถอนชื่อจากบัญชีนรก 
จะทำให้ผู้ที่มีรายชื่อนั้นถูกถอนชื่อจากบัญชีนรกเป็นการปิดอบายทันที
และรายชื่อจะลงทะเบียนไว้ที่สวรรค์ 
ณ.ด่านตรีเทพพิทักษ์เพื่อเข้าสู่พระนิพพานในที่สุด 
ซึ่งเรื่องนี้ก็ขัดกับพุทธศาสนา เพราะในทางพุทธศาสนาผู้ที่จะปิดอบายได้
ต้องละสังโยชน์ 3 เป็นพระโสดาบันเท่านั้น


ภาพบน^^การเผาใบเทวนาคราช หรือ ใบเปี่ยวเหวิน เพื่อถอนชื่อจากนรก


หัวใจของลัทธิทั้ง ๓ ข้อนี้ทราบได้เฉพาะผู้ที่ได้รับธรรมมะในพิธีที่จัดขึ้นในลัทธิเท่านั้น คนภายนอกไม่มีโอกาศรู้เพราะเป็นการแพร่งพรายความลับสวรรค์ ไม่มีบันทึกแม้ในหนังสือหรือที่ใดทั้งนั้นเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปค้นหา จะบอกกัน ปากต่อปาก และเฉพาะเวลาทำทำพิธีเท่านั้น เมื่อจบพิธีจะออกเสียงไม่ได้ถึงแม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม(กลัวผีจะได้ยิน) คิดไนใจได้เท่านั้น หลายคนที่ไปมาแล้วก็ทราบแต่ไม่กล้าบอกใครเพียงเพราะหวาดกลัวตามคำชวนเชื่อ


ขณะนี้ ลัทธิอนุตตรธรรม กำลังเผยแพร่อย่างเร็วมากในประเทศไทย

http://www.youtube.com/watch?v=aSax-gnlGHI&feature=youtu.be


http://www.youtube.com/watch?v=GnEzIkPaEnU



http://www.youtube.com/watch?v=1mgAEx4u8-c



http://www.youtube.com/watch?v=3sc7s3q8p3c

ลัทธินี้ขับเคลื่อนโดยใช้การเข้าทรงเป็นหลักนี่เป็นตัวอย่างการเข้าทรงในลัทธินี้
คำสอนของลัทธิล้วนมาจากการแอบอ้างเข้าทรงทั้งนั้นมีทั้งในไต้หวันและเมืองไทย 
โดยลัทธินี้เข้าทรงแม้แต่พระเจ้า(God)  เข้าทรงพระพุทธเจ้า  พระเยซู  นบีโมฮัมหมัด  เข้าทรงพระอรหันต์ และ โพธิสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งกษัตริย์ไทยในอดีต ซึ่งในทางของพุทธศาสนานั้นพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เข้าทรง
แต่ได้ทรงตรัสไว้ว่าเป็นเดรัจฉานวิชชา และในศาสนาอื่น ๆ ก็ไม่มีคำสอนให้เข้าทรงเช่นกัน

http://www.youtube.com/watch?v=xUxna0_mkn8



http://www.youtube.com/watch?v=jWUUdIefmuQ&feature=youtu.be


http://www.youtube.com/watch?v=2jGyG3ChY9A

http://www.youtube.com/watch?v=XT7PwOWGW_A

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น