วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ศพไม่แข็งไม่ใช่เรื่องแปลก(ตอน2)


ศพไม่แข็งไม่ใช่เรื่องแปลก(ตอน2)

ในตอนนี้ขอเล่าเรื่องของ "ศพไม่แข๊งไช่เรื่องแปลก(ตอน2)"  ซึ่งผมเคยเขียนไปแล้วในตอนที่1 คลิกดูตามลิงค์นี้ครับ >ศพไม่แข็งไม่ใช่เรื่องแปลก ..ซึ่งก็ด้วยเหตุผลเดิมครับว่าเพื่อตอบคำถามที่ลัทธิอนุตตรธรรมโกหกลวงโลกมาตลอด   

เพราะลัทธิอนุตตรธรรมได้อวดอ้างมาตลอดว่าคนที่เข้าไปเป็นสาวกลัทธิเมื่อถึงเวลาเสียชีวิตศพจะไม่แข๊งแม้จะผ่านไป 3-4 วัน และศพก็จะสวยงามไม่น่าเกลียด  ซึ่งเรื่องนี้ทางลัทธิยกย่องว่าเป็นคุณวิเศษของลัทธิซึ่งจะมีได้เฉพาะในลัทธิอนุตตรธรรมเท่านั้นและก็เขียนหลอกสาวกเป็นนิทานหลอกกบกันมาทุกรุ่นจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งเรื่องที่ลัทธิกล่าวนั้นไม่ใช่ความจริงเลย...และผมได้เคยหยิบยกหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย  รวมทั้งได้นำตัวอย่างอีกหลายเหตุการณ์มาให้ดูกันไปแล้วว่าเรื่องศพที่ไม่แข๊งและตายอย่างสวยงามนั้นมีให้เห็นมากมายครับ  ไม่ได้มีแต่ในลัทธิอนุตตรธรรมเท่านั้น...หลายเหตุการณ์ที่มีคนที่เสียชีวิตอย่างสวยงามและศพก็ไม่แข๊งแม้จะผ่านไปหลายวันซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนไม่เคยรู้จักลัทธิอนุตตรธรรมาก่อนเลยแถมยังอัศจรรย์มากกว่าลัทธิอนุตตรธรรมด้วยซ้ำไปทั้งอีกยังทราบวันตายก่อนเสียด้วยซ้ำซึ่งอัสจรรย์กว่าทางลัทธิเป็นใหน ๆ 

เอาล่ะครับ...ตอนนี้ขอนำหลักฐานมาให้ดูเพิ่มเติมซึ่งจะพาไปดูทางฝั่งมหายานกันครับโดยข้อมูลในตอนนี้ต้องขอขอบคุณ astroneemo ที่ได้กรุณาเรียบเรียงไว้ให้อ่านกันครับ

การให้พุทธานุสติก่อนตายแบบมหายาน (ซับไทย)
ในนิกายสุขาวดีของมหายานนั้น มีหลักคำสอนเน้นให้ทุกๆคน"สวดระลึกพุทธานุสติ"อยู่ตลอดเวลา ทั้งเช้าสายบ่ายเย็น ทั้งเจ็บป่วยและไม่เจ็บป่วย  และเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่จะต้องลาจากโลกนี้ไป ทางพระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกา ก็จะมานำผู้ป่วยสวดภาวนาระลึกพุทธานุสติภาวนา โดยการสวดพระนามพระอมิตาพุทธเจ้า (อา-มี-ถอ-ฝอ) เพื่อให้ผู้ตายมีสติ อยู่ตลอดเวลาก่อนสิ้นใจ โดยเชื่อว่าผู้ตายจะได้ไปบังเกิดในแดนวิุทธิภูมิของพระอมิตาภะ

การสวดภาวนานี้จะกระทำตั้งแต่ผู้ป่วยยังมีลมหายใจอยู่ อาจจะสวดตั้งแต่ 3- 7วันก่อนสิ้นใจ และเมื่อสิ้นใจแล้ว หัวใจหยุดเต้นแล้ว ก็จะยังทำการสวดให้ผู้ตายฟังต่อไปอีกตลอด 7-24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ช่วยสวดสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนโดยไม่หยุด ซึ่งเชื่อว่าแม้ผู้ป่วยสิ้นลมแล้ว หัวใจหยุดเต้น คลื่นสมองหยุดแล้ว แต่ก็ยังเชื่อว่า จิตของผู้ตายยังไม่ดับ แม้ภายนอกจะแสดงว่าได้ตายไปแล้วก็ตาม จิตก็ยังอยู่ในกระบวนการบางอย่าง หรือยังอยู่ในมรณาสันนวิถี และจิตจะดับ(ตายจริงๆ)ก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 7-24 ชั่วโมงในคนปกติ ยกเว้นผู้ปฎิบัติธรรมอาจจะใช้เวลาเร็วกว่านี้ หรือไม่กี่นาที


ผลของการสวดภาวนานี้ หลังจาก 24 ชั่วโมง สภาพศพของผู้ตายที่แข็งทื่อก็จะกลับอ่อนนุ่ม มือเท้างอพับได้ หน้าตาผิวพรรณสดใส เหมือนมีเลือดฝาด มือเท้าที่เย็นชืดก็จะกลับอบอุ่นขึ้น หน้าตาศพที่บิดเกร็งหรือหวาดกลัวก็จะผ่อนคลายลง และเมื่อนำไปฌาปนกิจเสร็จแล้ว กระดูกของผู้ตายจะปรากฏมีสีสรรต่างๆงดงงามมาก


สวดภานาระลึกพุทธานุสติ ภานาพระนามอมิตาภะ ขอไปเกิดยังแดนสุขาวดีพุทธเกษตร นำเสนอโดย อาศรมศรีจักรนารท
http://www.astroneemo.net



การให้สวดระลึกพุทธานุสติก่อนตาย ของชาวพุทธนิกายมหายาน นิกายสุขาวดี (สวด นำ มอ ออมี ทอ ฝอ หรือ อมิตาพุทธ) ส่งผลให้ร่างกายอ่อน นุ่ม แม้ว่าจะเสียชีวิตไปหลายวันแล้วก็ตาม ซึ่งลัทธิอนุตธรรมนำไปลอกเลียนแบบ (ดูภาพ ภิกษุณียังแย้มยิ้ม แม้เสียชีวิตไปแล้ว )


บันทึกมรณะกรรมของภิกษุณี ฝ่าเจี๋ยซือ ร่ายกายยังอ่อนนุ่ม มีไออุ่น สีหน้าแดงระเรื่อ แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ถึง 9 วัน 


สุดยอดนักปฎิบัติ รู้วันตายล่วงหน้า ทำบุญงานศพด้วยตัวเอง (1)

魏国兴居士往生实录
บันทึกการละสังขารของอุบาสกเว่ยกว๋อซิง
หลังจากห่างเหินการแปล ธรรมะมานาน ผมก็เลยค้นหาบทความอันไหนที่โดนใจมากที่สุดมาแปลก่อน เพื่อสร้างศรัทธาปสาทะ ให้กับทุกท่านๆก่อน ว่างๆผมจะทำซับไตเติ้ลมาใส้ไว้ตอนนี้อ่านและฟังSondTrack ไปพลางๆก่อน


佛城寺魏國興居士往生紀實 佛城寺魏国兴居士往生纪实 第1部分ตอนที่ 1


佛城寺位于四川绵阳西郊青义镇,公元二○○三年二月初五日就在这
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่วัดฝอเฉิงซื่อ ตำบลชิงอี้ อำเภอเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ในวันขึ้น 5ค่ำเดือน2จีน ปี ค.ศ. 2003
坐正在修复的寺院中,发生了一件佛教界的空前盛事,魏国兴居士,预知
ในสำนักปฎิบัติธรรมของวัดแห่งนี้ได้เกิดเรื่องราวมหัศจรรย์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องราวของ อุบาสกเว่ยกว๋อซิง
时至在一千五百多人的 佛号声中,包括僧人和居士的见证下,亲眼目睹
ด้ทำให้ผู้คนจำนวนมากกว่า 1500 คนรวมถึงพระภิกษุสงฆ์และอุบาสกอุบาสิการ่วมสวดมนต์เป็นสักขีพยาน
了魏国兴居士按预知的时间于二月初五日中午12点,准时坐在佛城寺居士
ในการละสังขารไปจุติยัง แดนสุขาวดีของอุบาสกเว่ยกว๋อซิง จากการที่ท่านได้รู้ล่วงหน้าว่า ในเวลา 12.00 น.ของวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 2 ของปีนี้ท่านจะต้องละสังขาร

楼一张木椅上安然而终,坐着往生,当 时,至少有三百多人看见阿弥陀
ตามเวลาที่ได้ถูกกำหนด ไว้ ท่านได้นั่งสมาธิอยู่บนเก้าอี้ไม้จนกระทั่งได้ละสังขารตามเวลา ณ.หอปฎิบัติธรรมของอุบาสกอุบาสิกาของวัดแห่งนี้ ในขณะเดียวกันนั้น มีผู้ที่เข้ามาร่วมงานจำนวนอย่างน้อย300 คนได้เห็นนิมิตปรากฏภาพเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้า
佛,观世音菩萨,大势至菩萨在佛城寺居士楼上空飘然而至,一股异香充
พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฏลอยอยู่เหนือหอปฎิบัติธรรมอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่ง
益着整个寺院,这是何等殊胜的机缘呀,此时此刻,有的居 士虔诚礼拜
ทำให้ผู้คนทั้งหลายในวัด ตื่นเต้น ปิติยินดีเป็นยิ่งนัก ในความอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน ในขณะนั้นมีอุบาสกหลายคน คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกราบ
,有的高声念佛,他们一生所求,一生的宿愿在此实现了,激动的啼哭淋
บางคนก็สวดภาวนาพระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยเสียงอันดัง การตั้งจิตอฐิษฐานภาวนาในทั้งชีวิตของพวกเขาได้ปรากฏให้เห็นแล้วในขณะนี้
泣之声不绝于耳,让与会者们久久不愿离去。魏国兴居士把预知时至,阿
ด้วยความปลาบปลื้ม ปิติและศัทธาอันยิ่ง เสียงร้องไห้ดังระงมมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ผู้คนทั้งหลายต่างเฝ้าอยู่เป็นระยะเวลานานและไม่ยอมหลีกไกลไปจากสถาน ที่แห่งนั้น



สุดยอดนักปฎิบัติ รู้วันตายล่วงหน้า ทำบุญงานศพด้วยตัวเอง (2)
佛城寺魏國興居士往生紀實 佛城寺魏国兴居士往生纪实 第1部分ตอนที่ 2

弥陀佛 要来接引他的消息,告知佛城寺德心法师后,全寺上下兴奋不已
ก่อนหน้านี้อุบาสกเว่ยก ว๋อซิง ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ตนได้รับรู้ล่วงหน้ากับเจ้าอาวาสพระธรรมาจารย์เต๋อซิ น ว่า พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะเสด็จมารับตนให้ไปอยู่ในแดนสุขาวดี ทำให้ผู้คนทั้งหลายในวัดต่างประหลาดใจและร่วมแสดงอนุโมทนาจิต

兴喜万分,于是寺院决定由德心法师亲自主持,专门为魏国兴居士举行一场往生佛七法会,为宣扬 佛法,普度众生。
และทางวัดได้ลงมติให้ ท่านเจ้าอาวาสพระธรรมาจารย์เต๋อซิน ดำเนินการจัดงานศพ หรือพิธีละสังขารให้กับอุบาสกเว่ยกว๋อซิงล่วงหน้า 7วันก่อนที่จะละสังขาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศความอัศจรรย์แห่งพุทธธรรมและโปรดสรรพสัตว์ทั้ง หลายให้เกิดศรัทธาเชื่อมั่นในพระศาสนา
魏国兴居士在七天往生佛七法会期间,与大家一同拜佛,绕佛念佛,同时还作了开示:“佛七之前四川省佛教协会会长作了开幕词讲话,所以
ใน7วันของการประกอบพิธี ศพของอุบาสกเว่ยกว๋อซิง ท่านได้ประกอบพิธีศพของท่านเองร่วมกับผู้ที่มาร่วมงานศพของท่าน เช่นการสวดมนต์ ไหว้พระ การเวียนเทียน และท่านเองก็ได้ทำการเทศน์โปรดญาติด้วยตัวของท่านเองก่อนที่จะละสังขาร
我必须把这个七天法会 圆满完成,为什么?这一特殊情况,就是有些苦
ทำโดยท่านได้เทศน์สอนเป็นปัจฉิมโอวาทดังนี้ว่า “ท่าน ประธานสมาคมพุทธศาสนาแห่งเสฉวนได้มาทำพิธีเปิดมณฑลพิธีในงานศพของฉันเมื่อ 7วันก่อน ดังนั้นตัวฉันเองจะต้องทำให้พิธีใน7วันนี้ ให้สำเร็จบริบูรณ์ เพราะอะไร นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งและเป็นบุญกุศลประเสริฐที่สุด
难众生,说你们学佛好,好在那里呢?说的生死自由自在在那里呢?给我
และ ก็คือมีผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลายได้กล่าวว่า พวกท่านได้ศึกษาพุทธธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด ประเสริฐที่ตรงไหนล่ะ? กล่าวว่าการเกิดตายเป็นสิ่งที่สงบ สงบที่ตรงไหนกันล่ะ? ทำให้ดูหน่อยสิ !
看一看!我就要做给你们看,就要做给你们 看,做不到决不是人,学佛
ฉันก็กำลังทำให้พวกเธอดู (กล่าวซ้ำ) ฉันก็กำลังทำให้พวกเธอดูอยู่นี่ไงล่ะ หากฉันทำไม่ได้จริง ฉันก็ไม่ใช่คนแล้ว
人决不打妄语,硬是我们这次完成自己的生死大业,完成了才走,这些苦
ผู้ ปฎิบัติธรรมย่อมไม่กล่าวเท็จ และยิ่งเป็นสิ่งที่หากเราได้ปฎิบัติเพื่อความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อสิ้นวิบากกรรมใหญ่น้อยทั้งหลายก็ได้ละสังขาร
难众生的迷惑颠倒,是不知道学佛的好处。”往生法会之间,魏 国兴居
สิ่งเหล่านี้ผู้คนทั้งหลายไม่เข้าใจ เป็นพวกมิจฉาทิฐิ และก็ไม่รู้คุณประโยชน์แห่งการประพฤติธรรม”
士与家属及与会者还一同去江边放生了成千上万的鱼,魏国兴第二次开示
ก่อนละสังขารท่านอุบาสกเว่ยกว๋อซิงพร้อมทั้งญาติมิตร ร่วมกันไปทำการปล่อยปลานับหมื่นๆตัวที่ริมแม่น้ำ



สุดยอดนักปฎิบัติ รู้วันตายล่วงหน้า ทำบุญงานศพด้วยตัวเอง (3)

佛城寺魏國興居士往生紀實 佛城寺魏国兴居士往生纪实 第1部分ตอนที่ 3

:“离死前还有 11个钟点,但是,我这个人,最喜欢死,最喜欢死,我
การเทศนาของท่านอุบาสกครั้งที่สองได้กล่าวว่า “ก่อนที่ฉันจะตายยังเหลือเวลาอีก 11 ชั่วโมง ตัวฉันนี้ เป็นคนอยากตาย ชอบที่จะตาย
在到处给大家宣传的时候,我也是死,大家都很产生怀疑,怀疑这个事实
เมื่อฉันได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ ว่าฉันจะต้องตาย ทุกๆคนต่างก็รู้สึกสงสัย สงสัยว่าจะจริงหรือไม่
,你这么好,我不相信,那么在这 个月的农历二月初五,请你们大家来
หลานคนบอกว่าฉันยังดีอยู่ แข็งแรงอยู่ ต่างก็ไม่เชื่อว่าฉันจะต้องตายในวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 2นี้ ขอเชิญทุกคนมาร่วมเป็นสักขีพยานเถิด
参观,看有没有这回事,有些人认为:’这个老头是不是神经病?'我说
และ มาร่วมดูว่ามันจะเป็นจริงไหม มีคนสังสัยฉันว่า อีตาแก่คนนี้สงสัยจะเป็นจิตวิปาสไปเสียแล้ว
:'这个是真实情况,报告你为什么要作,世间的人你 们都是要死了,
ฉันบอกว่านี่เป็นเรื่องจริง บอกกล่าวแก่ทุกคนว่าทำไม ผู้คนบนโลกใบนี้รวมทั้งคุณเองสุดท้ายก็ต้องตาย
才来穿衣,才来洗澡,才来剪脚指甲,我就偏偏要做一个扭天行事的人,
คน เราเกิดมาเพียงเพื่อแต่งตัวใส่เสื้อผ้า เกิดมาเพื่ออาบน้ำชำระกาย ตัดผมตัดเล็บเพียงแค่นั้นหรอกหรือ แต่ฉันจะพยายามเป็นคนที่ เกิดมาเพื่อเปลี่ยนฟ้าสะเทือนดิน
为什么,我就偏偏要活着把我的道场自已做了,我做那些道场?做七天的这 个念佛道场,这七天,天天我在绵阳市,佛城区青义镇,佛城寺举行我的
เพื่อ อะไร ฉันพยายามที่จะเกิดมาเพื่อสร้าง”สถานธรรมของฉัน”ให้สำเร็จ “สถานปฎิบัติธรรม”ของฉันอันไหนหรือ ก็คืองานศพของฉันงานนี้ไงเล่า ใน7วันนี้ ทุกวันฉันอยู่ในวัดฝอเฉิงซื่อ เมืองเหมียนหยาง ตำบลชิงอี้นี้
葡天道场,我每天随着念经,拜忏、转佛、绕佛、念佛,二十九我上寺庙
เพื่อ การจัดพิธีละสังขารและปฎิบัติธรรม ฉันทุกวันสวดภาวนาพุทธานุสติ สวดขออโหสิกรรม เวียนธูป สวดมนต์ ฉันเริ่มสวดมนต์ตั้งแต่วันแรม 14 ค่ำนี้
来拜佛,因为是好 多看热闹的人怀疑'二十九怎么没有死?!'二十九是我往生佛七开始,二十八的下午四川省佛教协会会长举行开幕词。明天
ก็ เพราะฉันรู้ว่าเป็นสิ่งดี มีคนมากมายรู้สึกว่าวันแรม 14ค่ำทำไมยังอยู่ ทำไมยังไม่ตาย ในวันแรม 13 ค่ำตอนบ่ายเป็นการเริ่มพิธีโดยท่านประธานพุทธสมาคมแห่งเสฉวนเป็นประธานในการ เปิดมณฑลพิธี
初五要举行往生法会闭幕式结束。希望 大家,你们不要在这里硬是说这个是迷信,是搞什么明堂其他的鬼是不是组织,什么我是小狗,你们在这
.ใน วันพรุ่
งนี้เป็นวันขึ้น 5 ค่ำซึ่งครบ 7วันและเป็นการจบพิธีงานศพของฉัน หวังว่าทุกคนมาที่นี่โปรดอย่าใจว่าเป็นเรื่องงมงาย หรือว่าเป็นเรื่องเข้าเจ้าทรงผี
里制造自查,你们这是打胡乱说,佛教不是迷信,佛教不是 法轮功,佛教是教育,教育人民走上正轨富裕的道路,这些人要叫你诸恶莫作,众善
ฉัน ไม่ได้หลอกลวงใคร ทุกคนมาอยู่ที่นี่ก็สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ควรพากันไปกล่าวเหลวไหล พุทธศาสนาไม่ใช่เรืองงมงาย พุทธศาสนาเป็นการศึกษาขั้นสูงสุดและ สั่งสอนให้ผู้คนดำเนินในหนทางที่ถูกต้องและเที่ยงตรง สอนให้ละชั่วทำดี ประกอบการกุศล กตัญญูต่อบิดามารดาครูอาจารย์ และต้องมีความศรัทธา ซื่อสัตย์ กตัญญู เป็นพื้นฐาน ในกุศลกรรมทั้งหมดมีความกตัญญูเป็นใหญ่
奉行,要孝顺父母,尊敬师长,要有孝、悌、忠,信为本,百善孝当先,万恶淫 为首,现在这个社会就把到处农村误乐场。
”เที่ยง ตรง สอนให้ละชั่วทำดี ประกอบการกุศล กตัญญูต่อบิดามารดาครูอาจารย์ และต้องมีความศรัทธา ซื่อสัตย์ กตัญญู เป็นพื้นฐาน ในกุศลกรรมทั้งหมดมีความกตัญญูเป็นใหญ่ ในความชั่วทั้งหมดมีกามตัณหาเป็นใหญ่ที่สุด ตอนนี้สังคมของเรากลายเป็นเพียงสวนสนุกที่หาสาระอะไรมิได้




สุดยอดนักปฎิบัติ รู้วันตายล่วงหน้า ทำบุญงานศพด้วยตัวเอง (4)

佛城寺魏國興居士往生紀實 佛城寺魏国兴居士往生纪实 第1部分ตอนที่ 4

魏国兴居士往生闭幕布时最后讲话:"各位大德高 僧、各位居士、各位善知识、各位师兄们、各位来宾、各位民众等等,今天是我往生的日子,这个往生佛七法会, 圆满成功,告别的最后日,谢谢大家的关怀!"与
ในวาระสุดท้ายท่านอุบาสก เว่ยกว๋อซิง ได้กล่าวว่า “กราบนมัสการพระเถรานุเถระทุกๆรูป และสหายธรรมอุบาสกอุบาสิกาท่านสาธุชน แขกผู้มีเกียรติและญาติพี่น้องทั้งหลาย วันนี้เป็นวันตายของข้าพเจ้า และพิธีศพทั้ง7วันของข้าพเจ้าก็ได้สำเร็จบริบูรณ์แล้ว วันกล่าวคำอาลาวันสุดท้าย ของพระคุณทุกๆท่านที่ได้มีกุศลจิตมาร่วมพิธีในวันนี้”
会者齐答“阿弥陀佛”!随后,魏国兴居士在法师及 家属和居士们的护送下,念佛走进往生堂,端坐在木椅上,在 大家的佛号声中,于二月初五日,中午12点,按预知的时间准时往生西方极乐世界。断气后,魏国兴居士面容如生,正身端坐如入甜梦往生西方极乐世界了。此时 阿弥陀佛观世音菩萨,大势至菩萨在佛城寺居士楼上空飘然而至,至少有三百多人看见,同时一股异香充满整个寺院。
เมื่อท่านกล่าวจบลง ทุกคนต่างก็อนุโมทนาด้วยการกล่าวว่า “อมิตาพุทธ!” จากนั้นท่านอุบาสกเว่ยกว๋อซิง และท่านเจ้าอาวาสและญาติพี่น้องได้เดินไปยังอาคาร”หอจุติ” พร้อมกับสวดภาวนาพระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า จากนั้นท่านก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ท่านกลางการเสียงสวดภาวนาพุทธานุสติของผู้ที่มาห้อมล้อม ท่านได้ละสังขารเมื่อเวลา 12 นาฬิกาของวันขึ้น 5 ค่ำเดือน 2 ตามปฎิทินจันทรคติจีน ตามเวลาละสังขารไปจุติยังแดนสุขาวดีที่ได้กำหนดรู้ล่วงหน้าอย่างเที่ยงตรง หลังการสิ้นลมหายใจของท่าน ผิวหน้าผิวพรรรรของท่าได้ผุดผ่องเสมือนดังมีชีวิตอยู่ ตลอดทั่วทั้งร่างกายอ่อนนุ่มราวกับว่าท่านกำลังหลับอยู่ในความฝันอันแสน บรรเจิด ท่านได้ไปจุติยังแดนสุขาวดีแล้ว ในขณะเดียวกันนั้น มีผู้ที่เข้ามาร่วมงานจำนวนอย่างน้อย300 คนได้เห็นนิมิตปรากฏภาพเป็นพระอมิตาภะพุทธเจ้า พระสมาสถามปราปต์โพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ปรากฏลอยอยู่เหนือหอปฎิบัติธรรม และทั่วทั้งวัดก็ตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นหอมอันประหลาด

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ระบายวิถีอนุตรธรรม



ความอัดอั้นของเพื่อนอีกคนที่ได้เขียนระบายไว้ในพันทิป
<<<ความว่า...>>>
...........................................


ระบาย วิถีอนุตรธรรม

ผมอยากจะถามขอความเห็นกับเพื่อน Pantip หน่อยว่าเป็นไงบ้างกับศาสนานี้
ครอบครัวผมเป็นคนนับถือศาสนาพุทธอยู่แล้ว ทางอีสานก็หลักก็พุทธอยู่แล้วครับ
พอดีทางบ้านผมมีคนไปเผยแผ่หรือแนะนำ วิถีอนุตรธรรม ให้แม่ผมและครอบครัวผมไปรับธรรมะกันทุกคน โดยตอนนั้นผมยังอยู่ กทม. อยู่ ก็คนในครอบครัวผมก็รับทุกคนยกเว้นผมพระผมทำงานอยู่ กทม. (ผมคิดว่าแม่ผมเชื่อคนง่ายเพราะแกชอบเข้าวัดทำบุญ เกี่ยวกับบุญแกก็สนหมด) พอดีช่วงผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านนอก ก็มีทีมงานที่เผยแผ่นี่แหละ ไปรบกวนคะเย้าคะยอผม แต่ผมไม่ค่อยเชื่อ ไม่อยากรับ แต่แม่ผมก็บอกให้รับ (ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนคืออะไร เพราะพระพุทธศาสนาที่ผมนับถือก็ดีอยู่แล้ว และผมเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนามากกว่า)

และผมก็ต้องไปรับ โดยผมขอตั้งข้อสังเกตุดังนี้
1. เสียค่าลงทะเบียน 100 บาท ในการทำบัตรผ่านประตูขึ้นสวรรค์ (เขาบอกงั้น ซึ่งผิดกับพุทธมาก พระใครทำดีทำชั่วต้องได้รับกรรมที่ทำอยู่แล้ว เงินซื้อล้างบาปไม่ได้ และพระพุทธไม่ได้เห็นแก่ทรัพย์ เพราะละทางโลกแล้ว)

2. ทำพิธีเปิดจุด ซึ่งทำอะไรมากมาย ทั้งให้คำสัญญาและคำนับต่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพิธีการมากมาย (ผมว่างมงายมาก ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ ถึงทำพิธีให้เริดหรูขนาดไหนก็ไม่ได้ชี้บ่งว่าจะดี แต่ก็นะทำตามเขาไป)

3. ตอนทำพิธี ต้องอยู่ในสถานที่ปิด ประตู หน้าต่าง ต้องปิดหมด ไม่ให้คนข้างนอกรู้(ผมว่ามันผิดกับหลักธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้ามาก เพราะการเผยแพร่ธรรมมะต้องเปิดเผย ให้แก่ปุถุชนทั่วไป ไม่บังคับให้ศรัทธา แต่ให้ลองปฎิบัติตาม เพราะพระธรรมเป็นสิ่งดี)

4. ต้องทานเจ (ตัวนี้ผมไม่เถียงเพราะดีอยู่แล้ว ไม่รบกวนสิ่งมีชีวิต ไม่ฆ่าสัตว์)

5. ต้องเข้ามารับธรรมะเป็นประจำ (เหมือนโดนบังคับ พอมีจัดงานธรรมขึ้น ทีมงานเขาจะมาหาและมาบังคับให้ไปร่วม ซึ่งฝืนมากๆ เหมือนเราเป็นทาสเลย)

6.และให้คาถาป้องกันตัวที่มี 5 คำ เขาบอกให้ท่องในใจเวลามีเหตุไม่สามารถช้วยตัวเองได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วย และห้ามจดไปบอกใคร ห้ามพูดออกเสียง(โอ มันดีขนาดนั้นเลยเหรอนี่ แสดงว่า มีคาถานี้ คุณจะเป็นยอดมนุษย์ ไม่มีใครทำร้ายคุณได้ ในเมื่อมันดี ทำไมไม่บอกให้กับทุกคนละจะได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ยิ่งจะได้บุญไม่ใช่เหรอ)

-----******ผมว่าเอาแค่นี้ก่อนนะเพื่อนว่าเป็นไงบ้าง*****-----
ส่วนตัวคิดว่าเป็นลัทธิที่จะพยายามล้มพระพุทธศาสนาครับ(แต่อ้างอิงคำสอนพระพุทธเจ้า แถมบิดเบือนคำสอนด้วย) อาจจะไม่เถื่อนเพราะตั้งสถานในไทยได้โดยอิสระไม่มีใครห้ามหรือต่อต้าน แต่ผมเลื่อมใส พระพุทธศาสนามากกว่าเพราะเป็นคำสอนที่จริงและสามารถพิสูจน์ได้ ใครปฏิบัติคนนั้นก็ได้ ไม่สามารถล้างบาปได้ ซึ่งจะทำให้มนุษย์เกรงต่อบาป และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พระพุทธศาสนาดีกว่า และเลื่อมใสในพระธุดงค์สายวัดป่าครับ


ที่มา

http://pantip.com/topic/31752505



ลัทธิอนุตตรธรรมดีจริงหรือ



ลัทธิอนุตตรธรรมดีจริงหรือ...จากเว็บพันทิป
<<<<<..........>>>>>

ลัทธิอนุตตรธรรม ดีจริงหรือ???

เรื่องมีอยู่ว่า อาม่าผมได้ไปรู้จักกับสถาธรรมแห่งหนึ่ง ตรงถนนจันทร์ ซอย45 หรือ ถนนเจริญราษฎร์ ซอย4 ลัทธินี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ไต้หวันครับ เขามีแบ่งเป็นสายต่างๆประมาณ18สายครับ เครือข่ายเขากว้างขวาง รากฐานเขาแน่น เงินไหลเข้าหนา เขาบอกว่าคนใหญ่คนโต นักธุรกิจมากมายเลื่อมใสศรัทธา ไม่รู้จริงเท็จประการใด (สร้างความน่าเชื่อถือ)

สถานธรรมแห่งนี้ได้เอาความเชื่อ ศาสนามาบังหน้าเพื่อหาผลประโชยน์จากญาติธรรม โดยการบอกว่าลัทธิอนุตตรธรรมนี้คือเป็นการรวมทุกศาสนาทั่วโลกมาไว้รวมกัน เช่น พุทธ คริสต์ อิสลาม เขาบอกว่าใครก็ตามที่ไม่ได้รับธรรมมะเปิดจุดณทวารที่หน้าผาก จะไม่สามารถเข้าสู่นิพพานได้ และจะต้องลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ไปเรื่อยๆ ถ้าอยากสุขสบายเป็นเซียนเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ไม่ต้องลงมาเกิด ต้องไปรับธรรมมะเท่านั้น คิดดูครับ คนที่รับธรรมมะบนโลกนี้มีอยู่กี่% ผมให้แบบเว่อๆเลย 5% แสดงว่าอีก 95% ตายไปต้องลงมาเกิดใหม่หรือ? เขาบอกเสมอว่าคนที่ได้รับธรรมมะ คือผู้ที่มีบุญวาสนา แสดงว่าอีก 95% ไม่มีบุญไม่มีวาสนาหรือ ถ้างั้น บารัค โอบาม่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ สตีฟจ้อบ ฯลฯ ไม่มีบุญวาสนาหรือ? (หรือ บารัค โอบาม่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ สตีฟจ้อบ ฯลฯ เคยไปรับธรรมมะมาแล้ว?)
ผมเคยถามเขาว่า ทำไมพระอาจารย์จี้กงถึงกินเหล้ากินเนื้อสัตว์ได้ แต่ทำไมลัทธินี้ถึงบอกว่าอาจารย์จี้กงมาโปรด ไม่ให้กินเหล้ากินเนื้อสัตว์ เขาบอกว่า พระอาจารย์กินเนื้อสัตว์แต่มีนกพิราบบินออกมา และเหล้าที่อาจารย์กินสามารถเทออกมาเป็นทองคำได้ แล้วผมหล่ะทำได้หรือปล่าว(พ่องงงงง)... ผมอึ้งครับ เขามีการย้อนถามผมกลับ เวลาผมบอกว่าผมไม่เชื่อ มันงมงาย เขาก็มักจะพูดว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ตายไปจะตกนรกทรมานนะ (มันเป็นจิตวิทยาที่ทำให้เราเกิดความกลัวและไม่กล้าพูดอีก) 

ตอนผมเข้าไปรับธรรมมะ ผมไม่ได้คิดอะไร เพราะผมยังเป็นเด็กอยู่ ผมก้คิดว่าดี เพราะเขาสอนให้กินเจ ทำความดี แต่เมื่อประมาณปีที่แล้วภรรยาของผมได้เข้าไปรับธรรมะ ก่อนรับธรรมมะจะต้องมีพิธีการต่างๆเพื่อให้เกิดความขัง ดูมีความน่าเชื่อถือ และจะต้องมีการบริจาคเงินก่อนถึงจะรับธรรมะได้ ก่อนบริจาคเขาจะพูดประมาณว่า บริจาคยิ่งเยอะยิ่งได้ผลบุญแรง ภรรยาผมได้หยิบเงินออกมา 100บาท เขาทำสีหน้าบึ้งๆ และบอกว่า ทำแค่นี้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วไม่ได้บุญหรอก เพราะบุญส่งไปไม่ถึง ผมเลยบอกภรรยาให้หยิบแบงค์500ออกมา สีหน้าเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันที แล้วมาวันนึง อาม่าผมบอกให้ผมพาลูกผมไปรับธรรมมะ ผมรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดีหลอกลวง แต่ก็พาไปเพราะอยากให้เขามีความสุข ไม่อยากขัดใจอาม่า ผมจึงพาลูกผมไป เช่นเดียวกัน ก่อนรับธรรมมะจะต้องทำบุญก่อนเขาถึงจะทำพิธีให้ ผมหยิบเงินให้เขาไป50 บาท เขาทำหน้าแบบนอยๆเซ็งๆ ผมเลยทำหน้าบึ้งๆใส่เขา เขาเลยไม่พูดอะไร อ้อ และเขาบอกว่า ให้ทุกคนพาคนมารับธรรมมะเพิ่ม ถ้าใครหาได้เยอะ บุญก็ได้เยอะ ไม่มีเคราะห์ และสร้างบรรยากาศให้เกิดการแข่งขันกันในการหาคนมารับธรรมมะเพิ่ม คิดดูดีดีครับ 1คน พาคนมารับธรรมมะ 10 คน = 11คน และทุกคนใน 10คน หามาเพิ่มอีก 10 คน = 111คน หากจ่ายค่ารับธรรมมะคนละ 100บาท = 11,100บาท (บางคนให้เยอะกว่า100บาท) คิดดูสิครับว่าหากถัวเฉลี่ยต่อคน คนละ 300บาท 1000 คน = 300,000 บาท แล้วลัทธินี้มีคนเข้ารับมากกว่า 10,000คน เห็นเขาบอกว่าต้นสังกัดหรือ HQที่ไต้หวันมีคนรับธรรมมะเป็นล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกทั้งในไทย ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ คิดดูครับ เงินมหาศาลแค่ไหน คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายจะเข้าใจระบบนี้ดีครับ คนที่ทันเขา เขาก็เสียเงินค่ารับธรรมมะไปแล้ว แต่หลายคนที่ไม่ทันเขา เขาก็มาสถานธรรมและบริจาคเงินเรื่อยๆ บางคนถวายที่ดิน ถวายเงินมากมาย คนในสถานธรรมเขามีจิตวิทยาสูงมากครับ เขาอ่านคนออก ใช้คนเป็น สร้างบรรยากาศ เขารู้ว่าคนมีอายุจะเชื่อเรื่องพวกนี้หรืองมงาย และเขารู้ว่าคนมีอายุจะขี้เหงาต้องการเพื่อนเล่นเพื่อนคุย สถานที่แห่งนี้จึงตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเขา เขาจึงรู้ถึงจุดอ่อนครับ

สาเหตุที่ผมรับไม่ได้และออกมาต่อต้านลัทธิอนุตตรธรรม

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวาน ผมไปสถานธรรมกับอาม่าที่ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีเพื่อนอาม่าในสถานธรรมที่กรุงเทพไปด้วย2คน และแม่บ้านคนใหม่ของสถานธรรม1คน เพื่อจะไปหาอาจารย์ผู้ใหญ่คนนึง เป็นผู้ชาย อายุ 90ปี พอไปถึงก็พูดคุยกันสัพเพเหระ คุยไปคุยมา เขาบอกว่า อาจารย์คนนี้สามารถดูดวงดูเคราะห์ดูเจ้ากรรมนายเวรได้ เขาก็เริ่มดูให้แม่บ้านก่อน เขาจับตัว จับไหล่ไปเรื่อยๆ และไปคลำที่บริเวณท้องน้อยขอแม่บ้านคนนั้น ผมมอง ผมก็คิด เฮ้ย 90แล้วยังเฒ่าหัวงูอีกหรอวะ แล้วก็บอกว่าผู้หยิงคนนี้มีปัญหาที่มดลูก (เก่งจัง จับแค่นี้ดูออกเลยหรือ?) เขาก็บอกให้ทำบุญเยอะๆและพาคนมารับธรรมมะอีก10คน พอตาอาม่าผม อาม่าก็ยืน เขาก็จับคลำแถวๆหน้าอกข้างขวาของอาม่า ผมก็เริ่มไม่พอใจ ทีนี้บอกให้อาม่าผมหันหลัง แล้วก็จับคลำที่ก้น ผมทนไม่ไหวทำสีหน้าไม่พอใจใส่เขา เขาเลยหยุดและบอกอาม่าผมว่า อาม่ามีอาการปวดเมื่อยที่ตัว เอ้า คนแก่เขาก้ต้องมีอาการปวดเมื่อยสิวะ อาม่าผมแต่เดิมคือเชื่อเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ เพราะเขาบอกอาการถูก
เขาบอกอาม่าผมว่าให้ทำบุญเยอะๆ และพาคนมารับธรรมมะเพิ่มเยอะๆ เพราะมีเคราะห์มาก ผมคิดในใจ อาม่าผมทำบุญบริจาคหมดไปไม่น้อยแน่นอน หากจะให้หาคนมารับธรรมมะเพิ่ม แล้วจะช่วยให้หมดเคราะห์ได้จริงหรือ? ที่ต้องการให้คนมารับธรรมมะเพิ่ม ไม่ใช่เพื่อให้รากฐานของลัทธิมั่นคง เครือข่ายกว้างขวาง และเงินทองไหลเข้าลัทธิหรือ? ผมบอกเขาว่าช่วยดูของผมให้หน่อย เขาก็ดูให้ผม เขาบอกว่าผมต้องหยุดกินเหล้า เพราะตับผมเริ่มมีปัญหา เอออันนี้เขาพูดถูก เพราะผมก็กินจริงๆ แต่ผมคิดว่าวัยรุ่นทุกคนก้ต้องเคยกินกันปะครับ ผมเลยไม่สนใจอะไร ผมก็ถามต่อว่า ผมมีอะไรอีกบ้างครับ เขาไม่บอก แต่เขาก็พยามพูดถึงผลเสียของเหล้า ผมคิดว่าเขาคงไม่รุ้จะพูดอะไรและไม่อยากพูดมาก เพราะพูดไปก็กลัวผิด เขาคงรู้แหละว่าผมไม่พอใจสถานธรรมและลัทธินี้มาก เพราะสีหน้าผมและการกระทำของผม เหมือนเป็นการต่อต้านพวกเขาอยู่ตลอด พวกคนพวกนี้เขาพยายามพูดเรื่องที่จะสร้างสถานธรรมแห่งใหม่ เขามีจิตวิทยาในการพูด สร้างบรรยากาศ และพูดจูงใจ พูดอ้อมๆ ให้คนบริจาค เช่น พูดว่า เจ้าของสวนนงนุชที่พัทยาสนิทกับพวกเขามากและศรัทราในสถานธรรมมาก เขาเลยบริจาคที่ดินให้สร้างสถานธรรม คือเหมือนเค้าบิ้วอารมสร้างความน่าเชื่อถือให้อาม่าผมร่วมทำบุญสร้างด้วย อ้อ มีเรื่องนึง ผมได้บอกพวกเขาว่า เนี่ย ไปรับธรรมมะกับผมไหม ที่สถานธรรมกวนอูแถวๆบ้าน (ผมแต่งขึ้นมา ไม่มีจริง) (อ้อ สถานธรรมลัทธินี้ของพวกเขาเป็นอาจารย์จี้กง) ผมบอกไปว่าเนี่ย สถานธรรมกวนอูที่ผมจะพาไป ถ้าได้เข้าพิธีรับเป็นลูกศิษย์ท่านเนี่ย แล้วปฎิบัติธรรมของเทพเจ้ากวนอู จะไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เป็นเซียนอยู่บนสวรรค์ และเขามีสอนธรรมมะด้วย พวกเขาบอกว่าไม่ไปหรอก อันนั้นอะของปลอม ต้องสถานธรรมของพวกเขานี้ ของจริง เพราะมีการเปิดยานทวารอะไรไม่รู้ของเขา ตายไปไม่ต้องลงมาเกิด เสพสุขอยู่บนสวรรค์ ผมก้เลยบอกว่าที่สถานธรรมกวนอูก้มีเปิดจุดยานวารที่หน้าผาก แต่เขายืนยันที่จะไม่ไป 555555 ผมแอบขำในใจ เรื่องราวมันยังมีอีกเยอะ รายละเอียดอีกมาก ว่างๆผมจะมาเล่าใหม่ครับ ติดตามเรื่องราวต่อได้ที่ Facebook เครือข่ายต่อต้าน ลัทธิอนุตตรธรรม