วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เหตุใดลัทธิอนุตตรธรรมยังคงเผยแพร่ได้เรื่อย ๆ




เหตุใด ลัทธิอนุตตรธรรม ยังคงเผยแพร่ได้เรื่อย ๆ ยิ่งกว่ายุงลาย

1 การถ่ายทอดเป็นความลับไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนเพราะกลัวการตรวจสอบพิสูจน์ จึงไม่มีบันทึกที่ใดทั้งนั้นแม้แต่เอกสาร

2 ไตรรัตน์ 3 ประการหรือรหัสลับ 3 ประการนั้นเป็นความลับที่ไม่มีการจดบันทึกและเหล่าสาวกก็ไม่ยอมเปิดเผยเวลาคุยกันก็พูดเป็นปริศนาแต่เป็นที่รู้กันเช่น จุด ก็หมายถึง จุดญาณทวารกลางคิ้ว เพราะฉะนั้นเมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นความลับจึงไม่มีการตรวจสอบและไม่เป็นประเด็นทางสังคม

3 รูปแบบภายนอกที่ดี เพราะเมื่อรอดจากการตรวจสอบไปได้ เมื่อมองจากภายนอกจะดูดีทุกอย่างคือสอนให้ทำดีซึ่งคนที่ไม่อยากรับธรรมมะก็ไม่เป็นไรเพราะไม่รู้ความลับเขาอยู่แล้ว ส่วนคนที่รับแล้วภักดีย่อมเป็นฐานที่ดี คนที่ทุ่มเงินสุดตัวก็มากซึ่งเราไม่รู้ แต่แม้ผู้มีเงินน้อยแต่ก็มีกำลัง
(เขาไม่ได้ต้องการเงินทุกคนหรอก แต่ละคนมีประโยชน์ไม่เหมือนกัน) แต่คนที่เข้าไปแล้วรู้ทันนี่จะทราบว่าล้างสมองชัด ๆ แต่คนที่ปลีกตัวออกมาได้ก็กลายเป็นคนไม่ดีไปหรือคนตักเตือนก็เป็นมารในสายตาเขาไป


4 รูปแบบการก่อตั้งและเผยแพร่ เขามีรูปแบบที่ดีคือตั้งเป็น มูลนิธิ ซึ่งก็เหมือนกับที่เราเห็นทั่วไปตามมูลนิธิต่าง ๆ เช่นปอเต็กตึ๊ง นี่ก็มูลนิธิ ซึ่งเขาก็ใช้รูปแบบนี้ตั้งขึ้นมากี่ที่ก็ได้โดยมีรูปแบบที่ดีเป็นเบื้องหน้าแต่นี่คือการเอาตัวรอดเพื่อจะยืนอยู่ได้ในสังคมแต่จุดประสงค์ต้องการเผยแพร่ลัทธิ เพราะเขาตั้งเป็นวัดหรือศาสนาอันไดอันหนึ่งไม่ได้แน่นอน ทุกที่ ๆ เข้าไปจดทะเบียนดำนินกิจการใช้รูปแบบเดียวกันทั้งหมด เหล่าสาวกจึงกล่าวเสมอว่าถ้าไม่ดีจริงแล้วจะจดทะเบียนได้ยังไง อันนั้นต้องเข้าใจว่ามันไม่ได้แปลกตรงไหนเลยแค่การตั้งมูลนิธิ ซึ่งเหตุผลในการตั้งมูลนิธินั้นสาวกเขาก็ต้องพูดสิ่งที่ดีเพราะคงไม่มีใครเอาเรื่อง ไตรรัตน์จอมปลอม โลกแตก เข้าทรงเขียนโอวาท พระพุทธเจ้าเป็นสาวกเขา เรื่องพวกนี้คงพูดไม่ได้เพราะคงไม่ได้ตั้งแน่นอน

5 คนที่จะตรวจสอบไม่ทราบ เพราะเรื่องลักษณะนี้คนที่จะแก้ปัญหาได้จริง ๆ คือคนที่มีอำนาจทางการปกครองเช่น กรมศาสนาและมหาเถรสมาคมหรือพระเถระผู้ใหญ่ แต่ด้วยรูปแบบทั้งหมดที่ได้กล่าวมาทำให้หลุดรอดมาได้ เพราะเรื่องพวกนี้ไม่เคยถึงหูเจ้าหน้าที่หรือพระผู้ใหญ่เลยสิ่งที่ท่านเหล่านั้นเห็นเป็นเพียงรูปแบบที่ดูดีภายนอกที่ปรับปรุงแล้ว สิ่งที่หลายคนพยายามเผยแพร่นั้นเป็นเพียงการกระจายข่าวเท่านั้นแต่ไม่มีอำนาจจะไปจัดการ

6 การแอบอ้างคนดัง ๆ หลายคนว่าได้มารับธรรมมะกับเขาทำให้น่าเชื่อถือยิ่งนักมีทั้ง พระผู้ใหญ่ พระสังฆราช พระสงฆ์ และบุคคลสำคัญอื่น ๆ (นี่เป็นความจริง)

7 ลัทธินี้ไม่มีนักบวชมาตั้งแต่ไหนแต่ไรจะมีแต่ผู้ทำพิธีกรรม เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการตรวจสอบทางศาสนา และไม่มีการควบคุมเนื่องจากพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นศาสนาแต่เป็นมูลนิธิซึ่งก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป

8 คนที่รู้ก็นิ่งเฉยเพราะคิดว่าไม่ไช่เรื่องที่ควรวุ่นวาย ส่วนหนึ่งคิดว่าควรอุเบกขา และส่วนหนึ่งอาจต้องรักษาภาพของนักบำเพ็ญซึ่งไม่ควรมีเรื่องขัดแย้ง ทุกครั้งที่มีภัยทางพระศาสนาเกิดขึ้นมีน้อยคนที่จะออกมาเป็นปากเสียงเพราะคนเหล่านี้ต้องวุ่นวายหลายอย่างและต้องรับแรงกดดันทั้งจากด้านสาวก และจากด้านเหล่าผู้บำเพ็ญด้วยกันถึงความเคร่งครัดที่ไม่เท่ากัน หรือบางกลุ่มอาจโชวเคร่ง 
แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตามขอกล่าวเพียงว่า อุเบกขาเป็นเรื่องที่ดี แต่หากใช้ไม่เป็นหรืออุเบกขาหมดทุกอย่าง ศาสนาอยู่ไม่ได้แน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น